ความสำคัญของค่ากรด-ด่างของดิน
ค่า pH ไม่ได้บ่งบอกความอุดมสมบูรณ์ แต่เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงแร่ธาตุในดิน ทำให้การละลายตัวของธาตุหรือสารต่างๆ ในดินออกมา บางอย่างก็มีประโยชน์ บางอย่างก็อาจเป็นพิษกับพืชได้ ซึ่งเรารู้กันอยู่แล้วว่าพืชเติบโตด้วยการดูดซึม (Osmosis) ธาตุอาหารต่างๆทางราก เพื่อส่งไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ถ้าดินเป็นกรดแก่จัด pH ต่ำกว่า 4.5 จะทำให้มีธาตุพวก อลูมิเนียม แมงกานีส และเหล็ก ละลายออกมามากเกินไป จนเกิดเป็นพิษกับพืชที่ปลูกได้ แมงกานีส และเหล็ก ถึงจะเป็นธาตุอาหารพืชที่สำคัญ แต่พืชต้องการในปริมาณน้อยมาก ถ้ามีสะสมอยู่ในดินมากเกินไป ก็จะเกิดเป็นพิษกับพืชได้
จากตาราง ความสัมพันธ์ระหว่าง ค่า pH กับ การละลายตัวของธาตุอาหารในดิน ในช่วง pH ระหว่าง 6.0 – 7.0 หรือในสภาวะที่ดิน มีสภาพเป็นกรดอ่อน ๆ การปรับค่า pH ของดิน สิ่งแรกที่เราต้องทำคือ วัดค่า pH ในดินให้ทราบค่าที่แน่นอนเสียก่อนว่าเป็นกรดหรือด่าง
แนวทางการแก้ปัญหาดินเป็นกรด
pH ต่ำกว่า 4.5 15 ลิตร/ไร่
pH 4.5-5.5 10 ลิตร/ไร่
pH 5.6-9.5 5 ลิตร/ไร่
หากไม่ทราบค่า pH แนะนำใช้จัสเตอร์ในอัตรา 5 ลิตร/ไร (ไม่ควรผสมกับสารกำจัดวัชพืชหากมีการใช้สารกำจัดวัชพืช ควรเว้นระยะเวลา 2 สัปดาห์
แนวทางการแก้ปัญหาดินเป็นด่าง
การเลือกชนิดพันธุ์พืชที่ทนกับความเป็นด่าง
- ไม้ดอก ได้แก่ แพรเซี่ยงไฮ้ คุณนายตื่นสาย เล็บมือนาง เข็ม เขียวหมื่นปี บานบุรี เฟื่องฟ้า กุหลาบ ชบา บานไม่รู้โรย
- ผัก ได้แก่ ชะอม กระเพรา หน่อไม้ฝรั่ง ผักบุ้งจีน ผักโขม มะเขือเทศ ถั่วพุ่ม ผักกาดหัว
- ผลไม้และไม้ยืนต้นอื่นๆ ได้แก่ มะพร้าว ฝรั่ง ละมุด พุทรา อินทผาลัม มะม่วงหิมพานต์ มะยม สะเดา สน ขี้เหล็ก
ใส่สารเคมีบางชนิด เช่น ธาตุกำมะถัน ในขณะที่ดินชื้น เพราะธาตุกำมะถันจะเปลี่ยนเป็นกรดซัลฟูริก มีฤทธิ์เป็นกรด จึงสามารถลดการ เป็นด่างของดินลงได้ |