รู้ก่อนป้องกันได้ก่อนกับกลุ่มอาหารที่มีคนแพ้บ่อยที่สุด

อาการแพ้อาหาร
ปฏิกิริยาอาการแพ้อาหาร (Food Allergy) แบ่งออกเป็น
 
  • ชนิดไม่เฉียบพลัน (Non – IgE – Mediated Food Allergy) เป็นกลุ่มที่มีอาการแบบล่าช้า ค่อย ๆ ปรากฏอาการหลายชั่วโมงหรือเป็นวันหลังจากรับประทานอาหารเข้าไปแล้ว เช่น ผื่นเรื้อรัง  โดยจะมีผื่นแดง คัน แห้ง ในเด็กมักจะเป็นบริเวณที่แก้มหรือข้อพับ ถ้าเป็นอาการที่ระบบทางเดินอาหาร เมื่อได้รับอาหารที่แพ้อาจถ่ายเป็นมูกเลือด อาเจียน และถ่ายเหลวรุนแรง
  • ชนิดเฉียบพลัน (IgE – Mediated Food Allergy) มีอาการตาบวม ปากบวม ผื่นลมพิษ หลอดลมตีบ ไอ แน่นหน้าอก หายใจไม่ออก ปวดท้อง อาเจียน โดยอาการจะเกิดขึ้นภายใน 30 นาที – 1 ชั่วโมง หลังจากรับประทานอาหาร และมีโอกาสเสี่ยงที่จะเกิดอาการแพ้รุนแรงได้
  • ชนิดรุนแรง (Anaphylaxis) เป็นอาการแพ้ในระดับรุนแรงที่สุดและเป็นอันตรายถึงชีวิต อาการที่เกิดขึ้น ได้แก่ ผื่นแดงตามผิวหนัง ลมพิษ คัน ผิวหนังแดงหรือซีด วิงเวียนศีรษะ หน้ามืดคล้ายจะเป็นลม คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง หรือท้องเสีย
หลังจากที่เราทราบถึงอาการเบื้องต้นของผู้ที่มีอาการแพ้อาหารสามารถแบ่งออกได้ 3 ชนิดนั้นคือ ชนิดไม่เฉียบพลัน,ชนิดเฉียบพลัน,ชนิดรุนแรง ไปแล้วมาลองดูกันซักหน่อยซิว่าอาหารยอดนิยมที่คนส่วนใหญ่แพ้นั้นมีอะไรบ้าง
 
 
อาหารชวนแพ้
อาหารที่มักเป็นสาเหตุการแพ้อาหาร ได้แก่
 
  • ไข่
  • ปลา
  • นม
  • ถั่วเหลือง
  • ถั่วลิสง
  • แป้งสาลีและกลูเต็น
  • สัตว์น้ำเปลือกแข็ง เช่น กุ้ง ปู หอย หมึก ฯลฯ
  • ถั่วตระกูล Tree Nuts เช่น อัลมอนด์ วอลนัท มะม่วงหิมพานต์ แมคคาเดเมีย พิสตาชิโอ ฯลฯ
  • ผักและผลไม้ อาจเกิดอาการแพ้ที่ริมฝีปากและในลำคอ
 
 
วิธีทดสอบการแพ้อาหาร
วิธีทดสอบอาการแพ้อาหาร (Oral Food Challenge) เบื้องต้น ได้แก่
 
  1. การทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนัง (Skin Prick Tests) ผู้ป่วยต้องไม่มีอาการเจ็บป่วยอย่างน้อย 1 สัปดาห์ ก่อนวันที่ทำการทดสอบ และงดรับประทานยาแก้แพ้ 1 สัปดาห์ ก่อนวันที่ทำการทดสอบ เมื่อทดสอบแล้วสามารถทราบผลได้ภายใน 15 – 20 นาที (ในกรณีที่มีอาการแพ้รุนแรงจะสามารถทดสอบได้หลังจากมีอาการ 1 เดือน)
  2. การตรวจเลือด (Blood Test For Specific IgE)  ไม่ต้องงดยาแก้แพ้ก่อนการทดสอบ เมื่อทดสอบแล้วสามารถทราบผลได้ภายใน  3 – 5 วันทำการ โดยมีทั้งผลเป็นบวกและลบ
  • ผลเป็นบวก แพทย์อาจให้งดหรืออาจให้ทำทดสอบด้วยการรับประทานอาหาร (Oral Food Challenge) ตามความเหมาะสม (ในกรณีที่ผู้ป่วยแพ้อยู่ก่อนแล้วและต้องการรู้ว่าหายแพ้แล้วหรือไม่) และขึ้นอยู่กับดุลพินิจของแพทย์ผู้ทำการรักษา
  • ผลเป็นลบ อาจพิจารณาทำการทดสอบด้วยการรับประทานอาหาร (Oral Food Challenge)
 
 
การแพ้อาหารอาจเกิดจากพันธุกรรมแต่กำเนิดหรือเพิ่งเกิดขึ้นตอนโตก็เป็นได้ เพราะฉะนั้นการทดสอบการแพ้อาหารกับแพทย์เฉพาะทางเพื่อให้มั่นใจก่อนเลือกรับประทานอาหารเข้าไปในร่างกายจะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดการแพ้รุนแรง ไม่แนะนำให้ใช้ยาแก้แพ้ เพราะอาจทำให้ร่างกายแพ้รุนแรงกว่าเดิมได้ ควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางจะดีที่สุด

บทความอื่นๆ

สินค้าใหม่