อุณหภูมิในบ้านเราช่วงนี้เรียกได้ว่าร้อนปรอทแตกกันเลยทีเดียว ร้อนจนแทบไม่อยากขับรถออกไปไหนกันเลยก็ว่าได้ แต่หากใครมีความจำเป็นต้องขับรถเดินทางในช่วงนี้อย่าลืม 5 สิ่งที่ต้องระวังหากจำเป็นต้องขับรถท่ามกลางสภาพอากาศร้อนจัดมาฝากกัน จะมีอะไรบ้างไปดูกันเลย
1. ระบบหล่อเย็นของเครื่องยนต์
การดูแลรักษาระบบหล่อเย็นของเครื่องยนต์ถือเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในช่วงหน้าร้อน เพราะหากมีชิ้นส่วนใดทำงานบกพร่องแล้วล่ะก็ อาจส่งผลให้เครื่องยนต์มีอาการโอเวอร์ฮีตได้ง่าย ซึ่งกรณีรถใหม่อายุไม่เกิน 5 ปีคงไม่มีปัญหาเท่าใดนัก แต่ถ้าเป็นรถเก่าอายุเกิน 7 ปีขึ้นไปแล้วล่ะก็ ต้องตรวจเช็กระดับน้ำหล่อเย็น (Coolant) ในหม้อพักว่ายังคงอยู่ในระดับปกติ มีการไหลเวียนของน้ำหล่อเย็นในขณะที่เครื่องยนต์ทำงาน รวมถึงพัดลมหม้อน้ำยังคงทำงานได้อย่างเต็มกำลัง และหมั่นสังเกตระดับเกจ์ความร้อนไว้บ้าง หากมีปัญหาจะได้แก้ไขได้อย่างทันท่วงที
2. หลีกเลี่ยงจอดรถกลางแดด
ในขณะที่อากาศภายนอกอาจพุ่งทะลุถึง 38 องศาเซลเซียสเป็นอย่างต่ำ แต่รถที่จอดทิ้งไว้กลางแดดอาจมีอุณหภูมิภายในห้องโดยสารสูงถึง 50 องศาเซลเซียสเลยทีเดียว ซึ่งความร้อนระดับนี้จะส่งผลให้ชิ้นส่วนภายในห้องโดยสารโดยเฉพาะที่เป็นพลาสติกหรือหนังเกิดการแตกกรอบได้ง่าย ยิ่งถ้าจอดรถกลางแดดเป็นประจำต่อเนื่องหลายปีแล้วล่ะก็ จะส่งผลให้สีตัวรถเกิดการซีดจางลง และขอบยางหน้าต่างประตูเกิดการกรอบแตกได้
3. ระบบแอร์ต้องสมบูรณ์
ระบบปรับอากาศในรถยนต์มีความจำเป็นอย่างยิ่งในสภาพอากาศร้อนอบอ้าวเช่นนี้ เจ้าของรถควรหมั่นบำรุงรักษาระบบแอร์ให้เย็นฉ่ำอยู่เสมอ ซึ่งสามารถทำได้ง่ายๆ ด้วยการล้างแอร์อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง โดยปัจจุบันมีวิธีล้างแอร์แบบไม่ถอดตู้ ซึ่งใช้เวลาน้อย และไม่ต้องถอดแผงคอนโซลออกเหมือนกับวิธีล้างแบบถอดตู้ หากว่าระบบแอร์รถเกิดปัญหา ควรเลือกร้านซ่อมแอร์ที่ไว้ใจได้ ช่างมีความชำนาญเฉพาะทาง จะช่วยลดปัญหาค่าซ่อมบานปลายได้
4. สวมแว่นกันแดดขับรถในช่วงกลางวัน
การสวมแว่นกันแดดขับรถในสภาวะที่มีแสงจ้า นอกจากจะช่วยเพิ่มความสบายในการขับรถแล้ว ยังช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคตาบางชนิด เช่น ต้อกระจก, ต้อลม, ต้อเนื้อ รวมถึงอาการจอประสาทตาเสื่อมลงได้ แนะนำให้เลือกเลนส์แบบ Polarized ที่มีคุณสมบัติตัดแสงจ้ารบกวน จะช่วยลดแสงสะท้อนบนกระจกหน้าและกระจกข้าง ทำให้มองเห็นเส้นทางได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
5. ใช้ครีมกันแดดช่วยป้องกันผิวเสีย
แม้ว่ารถจะติดฟิล์มกรองแสงที่มีคุณสมบัติกรองรังสี UV ได้อยู่แล้ว แต่การใช้ครีมกันแดดทาผิวบริเวณแขนและใบหน้า จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันรังสียูวีได้ดียิ่งขึ้น ทำให้ผิวไม่คล้ำเสีย ช่วยลดโอกาสเกิดริ้วรอยก่อนวัย แถมยังช่วยป้องกันโรคมะเร็งผิวหนังได้อีกด้วย |