อันดับที่ 10 : Hallasan
มาเริ่มกันที่ภูเขาที่สวยที่สุดในโลก อันดับ 10 นั่นคือ ภูเขาไฟฮัลลาซาน ภูเขาไฟรูปโล่ที่เกิดขึ้นจากการปะทุอ่อนๆ ก่อนที่ลาวาจะเย็นตัวเป็นเนินภูเขาไฟอย่างช้าๆ นักท่องเที่ยวที่มาที่นี่มักมาเพื่อชมความงดงามของธรรมชาติรอบภูเขา ซึ่งสามารถเดินชมได้หลากหลายเส้นทาง แต่ละเส้นทางก็มีระยะการเดินแตกต่างกันไป ใครที่ไม่มีเวลาก็สามารถจัดทริปเดินเที่ยวชมภายในหนึ่งวันได้ โดยเลือกเดินหรือใช้รถบัสได้ตามใจ และสามารถเข้าเที่ยวชมได้ตลอดปี สำหรับกิจกรรมน่าทำก็มีตั้งแต่เดินป่า ขึ้นเขา หรือเดินทางไปบนยอดเขาเพื่อชมทะเลสาบปากปล่องภูเขาไฟอันงดงาม
จุดเด่น
จุดเด่นของภูเขาลูกนี้คือความหลากหลายของธรรมชาติในแต่ละฤดู อย่างในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ดอกไม้จะเบ่งบานเป็นทิวทัศน์ที่งดงาม หรือหน้าหนาวก็จะมีหิมะปกคลุมจนในบริเวณเป็นสีขาวโพลนสวย ทั้งยังมีทะเลรายล้อมอยู่ ทำให้เห็นวิวทะเลจากบนเขาได้ด้วย
พิกัด
ตั้งอยู่บนเกาะเชจู ประเทศเกาหลีใต้ เป็นภูเขาที่สูงอันดับที่ 2 ของเกาหลี
อันดับที่ 9 : Huangshan
เขาหวงซาน เป็นสถานที่ที่เหมาะกับนักท่องเที่ยวที่รักความท้าทาย เพราะมีเส้นทางการเดินเขาที่แคบและสูงชัน ต้องลัดเลาะไปตามไหล่เขาเพื่อขึ้นไปยังจุดชมวิว ใครอยากจะไปลองความชันของภูเขาที่นี่หรือที่ไหนก็อย่าลืมเลือกรองเท้าใส่ขึ้นเขาที่ทนทานไปเพื่อเสริมความปลอดภัยด้วยล่ะ อย่างไรก็ตาม หากไม่ต้องการผจญภัยมาก ก็สามารถเลือกใช้บริการเคเบิลคาร์ได้เช่นกัน ถือเป็นอีกวิธีที่จะได้ชื่นชมความงามของภูเขาลูกนี้ในมุมมองที่แตกต่างออกไปจากการเดินเขา
จุดเด่น
โด่งดังในเรื่องเส้นทางเดินเขาที่สูงชันและแคบเหมือนหุบเขาในภาพยนตร์จีน จึงเหมาะสำหรับการปีนเขาและเดินผจญภัย ภูเขาแห่งนี้มีทั้งหมด 5 ยอดเขา แต่ละลูกก็มีเอกลักษณ์แตกต่างกันออกไป โดยยอดที่อยู่สูงที่สุดจะอยู่ทางใต้ มีความสูงประมาณ 2,160 เมตร ไม่เพียงเท่านั้น เขาหวงซานยังได้รับการแต่งตั้งให้เป็นมรดกโลกอีกด้วย นับเป็นอีกหนึ่งภูเขาสวยๆ ในโลกที่องค์การยูเนสโกการันตีความยิ่งใหญ่ให้เรียบร้อย
พิกัด
ตั้งอยู่ที่เมืองหัวหยิน ในประเทศจีน ห่างจากเมืองซีอานประมาณ 120 กิโลเมตร
อันดับที่ 8 : Rinjani
อีกหนึ่งภูเขาสวยๆ ในโลกที่ไม่ได้มีเพียงเขา เพราะนักท่องเที่ยวที่มาที่ภูเขารินจานีแห่งนี้นิยมมาชื่นชมความงดงามของทะเลสาบและทะเลหมอกที่ปกคลุมอยู่รอบๆ ด้วย แถมยังเป็นหนึ่งในสถานที่ปีนเขายอดนิยมที่คนชอบปีนเขาพลาดไม่ได้
จุดเด่น
ยอดเขารินจานี มีความสูงมากถึง 3,726 เมตร มีปากปล่องภูเขาไฟเป็นทะเลสาบที่สวยงาม โดยใจกลางของปากปล่องภูเขาไฟยังมีภูเขาไฟอีกลูกอยู่ในนั้นด้วย โดยเกิดจากการเย็นตัวอย่างฉับพลันของลาวาที่ไหลพุ่งขึ้นมาเจอกับอากาศและน้ำในทะเลสาบ ทำให้แข็งตัวอย่างรวดเร็วและกลายเป็นภูเขาไฟลูกเล็กๆ กลางทะเลสาบนั่นเอง
พิกัด
ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติรินจานี บนเกาะลอมบอก ประเทศอินโดนีเซีย
อันดับที่ 7 : Fuji
พูดถึงภูเขาสวยๆ ในโลก โดยเฉพาะฝั่งเอเชีย คงจะไม่พูดถึงภูเขาไฟฟูจิไม่ได้ นักท่องเที่ยวนิยมชมภูเขาไฟฟูจิจากเชิงเขา นอกจากนั้นยังนิยมเดินขึ้นเขาเพื่อชมพระอาทิตย์ขึ้น หรือเรียกว่า โกไรโคะ ‘Goraiko’ กันด้วย ซึ่งชาวญี่ปุ่นเขาพูดกันว่าจะต้องลองไปโกไรโคะให้ได้สักครั้งในชีวิต เพราะถือเป็นการชมแสงตะวันในดินแดนอาทิตย์อุทัยอย่างแท้จริง
จุดเด่น
ภูเขาไฟฟูจิซัง เป็นภูเขาไฟสูงที่สุดในประเทศญี่ปุ่น และสูงเป็นอันดับที่ 7 ในโลก มีความสูงถึง 3,776 เมตร จากระดับน้ำทะเล เป็นภูเขาไฟรูปกรวยที่สมบูรณ์ ไม่มีรอยแหว่งจากการทะลักของลาวา และตั้งอยู่โดดเดี่ยว ไม่มีขุนเขาอื่นๆ ล้อมรอบ แสดงถึงความเงียบสงบและมั่นคง จึงทำให้ฟูจิซังเป็นภูเขาที่สวยอย่างมีเอกลักษณ์และกลายเป็นสัญลักษณ์ของญี่ปุ่น อีกทั้ง ความสูงของภูเขาไฟฟูจินั้นบังทำให้ยอดเขามีอากาศหนาวเย็นจนเป็นมงกุฏหิมะขาวหิมะปกคลุมเกือบตลอดทั้งปี ปรากฎเป็นภาพเขาหิมะอันสวยงามเป็นที่จดจำนั่นเอง
พิกัด
ตั้งอยู่บนเกาะฮันชู ประเทศญี่ปุ่น ห่างจากโตเกียวไปไม่ไกล
อันดับที่ 6 : Denali
อีกหนึ่งภูเขาสวยๆ ของนักผจญภัย นักท่องเที่ยวนิยมมาชมเนินเขา ไปพร้อมกับชื่นชมธรรมชาติในอุทธยานแห่งชาติเดนาลี ไปด้วย การปีนเขาในภูเขาเดนาลีถือได้ว่าเป็นเส้นทางที่ยากและท้าทาย เนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็น และภูเขาที่ชัน จึงทำให้เป็นสถานที่ที่นักปีนเขาหลายคนฝันจะได้ขึ้นมาพิชิตสักครั้ง
จุดเด่น
เป็นภูเขาที่สูงที่สุดในอเมริกาเหนือ มีความสูงกว่า 6,190 เมตร จากระดับน้ำทะเล และมีความชันสูงมาก มีธรรมชาติที่งดงามรายลอบภูเขา
พิกัด
ตั้งอยู่ในเทือกเขาอะแลสกา รัฐอะแลสกา สหรัฐอเมริกา
อันดับที่ 5 : Vinicunca
ใครที่จะมาท่องเที่ยวที่ภูเขาวินิกุนกา นอกจากจะต้องเตรียมพร้อมมาตื่นตะลึงกับทิวทัศน์และลักษณะทางธรณีวิทยาที่ไม่เหมือนใครแล้ว ยังต้องเตรียมร่างกายให้พร้อมอีกด้วย เพราะหากอยากจะเข้าชมภูเขาสวยๆ สุดแปลกแห่งนี้นั้น จะต้องใช้เวลาเดินเท้ากว่า 5 ชั่วโมงเลยทีเดียว
จุดเด่น
รู้จักกันอีกชื่อว่าภูเขาสายรุ้ง เพราะลักษณะทางธรณีวิทยาที่ทำให้ภูเขาลูกนี้ที่มีสีสันงดงาม แยกออกไปถึง 7 สี ช่วงเขาที่มีสีสันนี้เกิดขึ้นจากการทับถมตัวจากส่วนผสมของแร่ธาตุจากทะเล ทะเลสาบ และแม่น้ำ เมื่อโดนลมและความชื้นเป็นเวลานานทำให้เกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่นซึ่งเป็นปฏิกิริยาเดียวกับการเกิดสนิม ที่ทำให้แร่ธาตุเปลี่ยนสีจนกลายเป็นสีรุ้งนั่นเอง
พิกัด
ตั้งอยู่ในคอร์ดิเยรา เด บิลกาโนตา ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองกุสโก-บินิกุนกา ประเทศเปรู
อันดับที่ 4 : Jungfrau
เขาจุงเฟรา อีกหนึ่งภูเขาสวยๆ ในโลกที่มาพร้อมวิธีการเข้าชมที่น่าสนใจไม่แพ้ใคร โดยนักท่องเที่ยวสามารถชื่นชมยอดเขาจุงเฟราได้โดยการนั่งรถไฟชมวิวท่องเที่ยวธรรมชาติ และระหว่างทางก็จะมีอุโมงค์แห่งโลกอัลไพน์ซึ่งจะจัดแสดงวิถีชีวิต วัฒนธรรมและธรรมชาติของชาวพื้นเมืองผ่านแบบจำลอง ภาพวาด ภาพถ่าย รวมไปถึงประวัติการก่อสร้างรถไฟขึ้นสู่ยอดเขาจุงเฟรา และยังมีถ้ำน้ำแข็งที่แกะสลักจนมีความสวยงามให้ชมอีกด้วย
จุดเด่น
ยอดเขาจุงเฟรา มีชื่อที่แปลได้ว่า หญิงบริสุทธิ์ เป็นจุดชมวิวที่สูงที่สุดในยุโรป เป็นสถานที่ที่ขึ้นชื่อในเรื่องความงาม จนติดอันดับหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวระดับท็อปของยุโรป
พิกัด
ตั้งอยู่ในเทือกเขาแอลฟ์ ในสวิตซ์เซอแลนด์
อันดับที่ 3 : Glacier 3000
เดินทางมาถึงรองชนะเลิศอันดับสองในบรรดาภูเขาที่สวยที่สุดในโลก 10 อันดับ ตำแหน่งที่สามนี้ตกเป็นของ ยอดเขากลาเซียร์ 3000 ที่สามารถเดินทางไปโดยกระเช้า 360 องศา บนยอดเขาสามารถมองเห็นวิวยอดเขาอื่นๆ ของสวิตเซอร์แลนด์ ได้แก่ จุงเฟรา แมทเทอร์ฮอร์น และ มองท์ บลองซ์ ทำให้ภูเขานี้เป็นจุดชมวิวที่น่าตื่นตาตื่นใจ รวมถึงมีบันไดชมวิวบนยอดเขาให้เดินชมวิวได้ชัดๆ ปิดท้ายด้วยพื้นที่เล่นสกีน้ำแข็ง
จุดเด่น
สูงกว่าระดับน้ำทะเล 3000 เมตร และมีกิจกรรมให้ทำมากมาย เทือกเขาที่สูงทำให้ปกคลุมด้วยหิมะหนา เป็นภูเขาสวยที่ขาวโพลนและสวยงามมาก
พิกัด
ตั้งอยู่ในเทือกเขาแอลฟ์ ในสวิตซ์เซอแลนด์
อันดับที่ 2 : Matterhorn
ภูเขานี้เรียกได้ว่าเป็นสวรรค์สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการเล่นสกี เพราะโดยรอบของแมทเทอร์ฮอร์นนั้นเต็มไปด้วยพื้นที่สำหรับเล่นสกีในฤดูร้อน โดยนอกจากจะถือว่าเป็นโลเคชันเล่นสกีที่สูงที่สุดในยุโรปแล้ว ยังเปิดให้บริการตลอดทั้งปีอีกด้วย
จุดเด่น
ยอดเขาสามเหลี่ยมพีระมิดนี้โด่งดังเป็นอันดับต้นๆ ของยุโรป แมทเทอร์ฮอร์นนั้นมีจุดสูงสุด 4,478 เมตรหรือระดับน้ำทะเล นอกจากนั้น แมทเทอร์ฮอร์นยังเป็นหนึ่งในเขาที่มียอดที่สูงที่สุดในยุโรปและเทือกเขาแอลป์ จนมักถูกเรียกว่า “ภูเขาแห่งขุนเขา”
พิกัด
ตั้งอยู่ที่ชายแดนทางตะวันตกของสวิตเซอร์แลนด์ ระหว่างเซอร์แมทและเบรยล์-แชร์วิเนีย ในอิตาลี
อันดับที่ 1 : Kirkjufell
มาถึงเจ้าของตำแหน่งอันดับหนึ่งในภูเขาที่สวยที่สุดในโลก 10 อันดับกันแล้ว นั่นคือภูเขาเคิร์กจูเฟล อีกหนึ่งโลเคชันที่นักท่องเที่ยวมักมาชื่นชมธรรมชาติ และเป็นจุดถ่ายภาพที่นิยมกันมาก จนถึงขั้นที่ติดอันดับหนึ่งในภูเขาที่มีคนมาถ่ายภาพมากที่สุดในไอซ์แลนด์ ยิ่งถ้ามาถูกฤดูกาลก็จะได้ภาพพร้อมแสงเหนือที่หาที่อื่นได้ยากอีกด้วย สำหรับใครที่หลงรักการเก็บภาพช่วงเวลาดีๆ แต่กลัวว่าแบกกล้องขึ้นเขาจะหนักเกินไปก็ไม่ต้องกลัว พกแค่โทรศัพท์คู่ใจกับเทคนิคการถ่ายภาพวิวด้วยมือถือไปก็พอแล้ว ยิ่งวิวของภูเขาตระการตาขนาดนี้ ถ่ายยังไงก็สวยแน่นอน
จุดเด่น
ภูเขาเคิร์กจูเฟล รู้จักในอีกชื่อว่า ‘Church Mountain’ หรือภูเขาโบสถ์ เพราะยอดเขาที่มีรูปร่างโดดเด่นคล้ายกับยอดโบสถ์แหลม ด้วยลักษณะนี้จึงเป็นเอกลักษณ์ที่เขาอื่นๆ ไม่มีเหมือน ใกล้ๆ กันยังมีน้ำตกเคิร์กจูเฟลส์ฟอสส์ที่เงียบสงบพร้อมเติมความชุ่มฉ่ำใจให้ผู้มาเยือนอีกด้วย
พิกัด
ตั้งอยู่ทางชายฝั่งทางเหนือของคาบสมุทรสไนล์แฟลซเนสของไอซ์แลนด์ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองกรุนดาร์ฟเยร์ชูร์ไปไม่ไกลเท่าไร |