เราทุกคนต่างรู้ถึงความสำคัญของลิ้นกันเป็นอย่างดี นอกจากจะเป็นอวัยวะที่ว่ากันว่าแข็งแรงที่สุดในร่างกายเพราะลิ้นประกอบด้วยกล้ามเนื้อมัดใหญ่กว่า 60 มัดรวมกันแล้ว ก็ยังทำหน้าที่รับรู้รสชาติอาหารที่เรากินเข้าไป และช่วยในการออกเสียงพูด แต่รู้กันหรือไม่ว่าลิ้นของเราก็สามารถบ่งบอกโรคได้อีกด้วย อย่างที่เราจะมาเรียนรู้กันวันนี้ กับความผิดปกติของลิ้นที่ไม่ควรมองข้าม เพราะนี่ล่ะคือสัญญาณของการเจ็บป่วยหรือโรคบางชนิดที่ควรรีบรับการรักษาก่อนที่จะสายเกินแก้ แต่ลิ้นของเราจะบ่งบอกสัญญาณสุขภาพอะไร และจะแสดงออกมาอย่างไร มาเช็กกันเลยค่ะ
ลิ้นเลี่ยน (ลิ้นเรียบผิดปกติ)
ปกติแล้วลิ้นของคนเราจะมีลักษณะตะปุ่มตะป่ำเพราะมีตุ่มรับรสกระจายอยู่ทั่ว แต่ถ้าหากลิ้นของคุณเริ่มมีลักษณะเรียบผิดปกติ หรือที่เรียกว่าลิ้นเลี่ยน นั่นแปลว่าคุณกำลังเกิดภาวะร่างกายขาดธาตุเหล็ก วิตามินบี 12 กรดโฟลิก ที่ทำให้เกิดอาการอักเสบจนตุ่มรับรสตายและหลุดลอกไปจนผิวลิ้นเรียบแล้วล่ะค่ะ ทั้งนี้อาการดังกล่าวก็ไม่ได้เกิดจากการขาดสารอาหารเพียงอย่างเดียวแต่ยังอาจเกิดจากการติดเชื้อยีสต์ในช่องปากได้ด้วยเช่นกัน โดยนอกจากอาการลิ้นเลี่ยนแล้ว ก็ยังอาจมีอาการแสบร้อนที่ลิ้นขณะที่รับประทานอาหารที่เป็นกรดหรือมีรสชาติเค็มร่วมด้วย ฉะนั้นควรหลีกเลี่ยงอาหารรสจัดก่อนจะดีกว่าค่ะ
หากลิ้นของคุณที่เคยปกติเปลี่ยนเป็นสีแดงสดโดยไม่มีสาเหตุ แปลว่าคุณกำลังขาดวิตามิน โดยเฉพาะวิตามินบี 12 และธาตุเหล็ก เพราะแร่ธาตุทั้ง 2 ชนิดนี้มีความสำคัญกับตุ่มรับรสบนลิ้นเป็นอย่างมาก แต่ถ้าคุณเป็นคนที่รับประทานอาหารที่มีแร่ธาตุทั้ง 2 ชนิดอยู่เป็นประจำ ทว่าก็ยังมีอาการดังกล่าว คุณควรไปพบแพทย์เพราะนี่อาจจะเป็นสัญญาณที่เกี่ยวข้องกับโรคภูมิคุ้มกันทำลายตัวเองซึ่งเข้าไปทำให้ร่างกายของคุณไม่สามารถดูดซึมวิตามินทั้ง 2 ชนิดได้
แม้ลิ้นจะเปียกชื้นอยู่ตลอดเวลาแต่ก็ใช่ว่าไม่สามารถมีขนขึ้นได้ และถ้าลิ้นของคุณมีขนอ่อน ๆ เกิดขึ้น บอกได้เลยว่านั่นคือสัญญาณของปัญหาของสุขภาพช่องปากที่ส่งผลโดยตรงต่อสุขภาพหัวใจ คุณอาจจะกำลังมีความเสี่ยงสูงที่่จะเป็นโรคหัวใจ นอกจากนี้การที่ลิ้นของคุณเปลี่ยนสีเป็นสีดำ ก็อาจจะเป็นสัญญาณของการติดเชื้อราที่เกิดจากความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันอันเนื่องมาจากโรคบางชนิด อย่างเช่น โรคเบาหวาน ได้เช่นกัน
ถ้าวันดีคืนดีคุณเริ่มคิดว่าลิ้นของคุณดูใหญ่ขึ้นหรือรู้สึกว่าลิ้นของคุณกำลังบวมโดยไม่มีสาเหตุ ก็ขอให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าคุณอาจจะกำลังเป็นโรคไทรอยด์ชนิดขาดฮอร์โมนไทรอยด์ (Hypothyroidism) ซึ่งเกิดจากการที่ร่างกายไม่สามารถผลิตฮอร์โมนได้เพียงพอ ทำให้ระบบเผาผลาญของคุณทำงานลดลงจนทำให้ไม่มีแรง ดังนั้นหากพบว่าลิ้นบวมผิดปกติควรไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจดีกว่าปล่อยทิ้งไว้
หากลิ้นของคุณเริ่มเกิดรอยแตก โดยที่ไม่มีเลือดไหลออกมา ก็อย่าเพิ่งวิตกกังวลไป เพราะนั่นเป็นอาการที่เกิดขึ้นตามวัย ยิ่งถ้ามีอายุมากก็จะยิ่งพบได้ง่าย จึงไม่ต้องเป็นห่วงว่าจะเป็นสัญญาณของอาการป่วยใด ๆ แต่ก็ใช่ว่าจะละเลยได้ คุณควรจะเอาใจใส่สุขภาพช่องปากให้มากขึ้นเนื่องจากเชื้อราหรือเชื้อแบคทีเรียนั้นอาจจะเข้าไปอยู่ตามรอยแตกของลิ้นได้ ควรแปรงฟันและลิ้นให้สะอาด ดื่มน้ำให้เพียงพอ และหมั่นไปพบทันตแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพช่องปากอย่างน้อยทุก ๆ 6 เดือนค่ะ
ลิ้นลายแผนที่คืออาการที่ลิ้นมีส่วนที่ขรุขระและส่วนที่เรียบสลับกันไปมาจนคล้ายกับแผนที่ มีสาเหตุจากการสูญเสียตุ่มรับรสจากอาการต่าง ๆ เช่น การรับประทานของร้อนมาก ๆ หรืออาหารรสจัดเกินไป ส่วนใหญ่แล้วอาการเหล่านี้จะหายไปได้เอง แต่ต้องใช้เวลาหลายเดือนจนถึงเป็นปี ๆ โดยอาการที่อาจจะพบได้หากมีลิ้นลักษณะแบบนี้ก็คือ ลิ้นอาจจะมีความไวต่อการรับรสเมื่อรับประทานอาหารบางชนิด เช่น อาหารร้อน ๆ อาหารที่มีรสเผ็ด เค็ม หรืออาหารที่เป็นกรดค่ะ
แผลร้อนในภายในช่องปากเป็นสิ่งที่เราพบได้เป็นปกติ แต่รู้หรือไม่ว่าแผลร้อนในเหล่านี้มีสาเหตุการเกิดอยู่หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการเผลอกัดลิ้นตัวเอง หรือการไวต่ออาหารของตุ่มรับรส การขาดวิตามิน หรือการติดเชื้อ นอกจากนี้โรคลำไส้อักเสบก็ยังเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดแผลร้อนในที่ลิ้นได้อีกด้วย โดยส่วนใหญ่แล้วแผลร้อนในเหล่านี้จะหายไปได้เองภายในเวลา 10-14 วัน และไม่ทิ้งร่องรอยของแผลไว้ ซึ่งถ้าหากอยากจะให้หายเร็วขึ้นก็สามารถใช้ยาทาช่วยได้ หรือจะดื่มน้ำมาก ๆ ก็ทำให้แผลร้อนในหายไวขึ้นได้เหมือนกัน
ริ้วขาวข้างลิ้น หรือลิ้นเป็นฝ้า เป็นเรื่องใกล้ตัวที่ทำให้หลายคนเป็นกังวลอยู่บ่อย ๆ ซึ่งฝ้าที่ขึ้นบนลิ้นก็เกิดได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเนื่องมาจากเชื้อราในช่องปาก โดยสาเหตุนี้มักจะเกิดกับเด็กทารก ผู้สูงอายุ และผู้ที่ต้องใช้อุปกรณ์ทางทันตกรรม ไม่ว่าจะเป็นฟันปลอมหรืออุปกรณ์จัดฟัน สามารถรักษาให้หายได้ด้วยการใช้ยาและน้ำยาบ้วนปาก ส่วนสาเหตุอื่นก็ได้แก่ การที่เซลล์เยื่อเมือกในปากเจริญเติบโตมากผิดปกติ พบได้ในคนที่สูบบุหรี่จัด แม้ไม่เป็นอันตราย แต่ถ้าหากเกิดขึ้นในคนที่สูบบุหรี่เป็นประจำก็อาจจะก่อให้เกิดมะเร็งช่องปากในอนาคตได้ หากคุณสังเกตว่ามีติ่งเนื้อเล็ก ๆ เกิดขึ้น โดยที่ไม่มีอาการผิดปกติอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น ตุ่มน้ำใส ๆ หรือฝ้าบนลิ้นที่ดูผิดปกติ นั่นอาจจะเป็นติ่งเนื้อที่เกิดขึ้นจากการที่เนื้อเยื่อเจริญเติบโตมากเกินไปจนทำให้กลายเป็นติ่งเนื้อ ซึ่งไม่เป็นอันตราย โดยส่วนใหญ่แล้วติ่งเนื้อเหล่านี้กว่าจะสังเกตเห็นได้ก็นับปี แต่ถ้าหากเกิดติ่งเนื้อขึ้นอย่างรวดเร็ว ก็ควรไปตรวจว่าติ่งเนื้อเป็นอันตรายหรือไม่จะดีกว่า |