8 จุดต้องเช็คเมื่อพบปัญหาแอร์รถยนต์ไม่เย็น

ปัญหาหนักใจของใครหลายๆคนที่รักรถ คือปัญหาแอร์ไม่เป็น เพราะบ้านเราเป็นเมืองร้อนปัญหานี้จึงเป็นปัญหาใหญ่อันดับต้นๆของคนรักรถ วันนี้ทาง ว.ศิริกาญ มีข้อมูลการนำเสนอเกี่ยวกับปัญหาที่แอร์รถยนต์ไม่เย็น เพื่อให้ลูกค้าสามารถตรวจสอบเบื้องต้นถึงปัญหาแอร์ไม่เย็นได้ก่อนที่จะถึงมือช่าง
 
 
1.น้ำยาแอร์ไม่เต็มระบบ (น้ำยาแอร์ขาด)-แอร์ไม่มีความเย็น หรือเย็นน้อย
 
ปัญหาแอร์รถยนต์ที่ำทำให้ระบบแอร์ไม่เย็นนั้น เกิดจากปริมาณน้ำยาแอร์ที่ส่งจากคอมเพรสเซอร์เพิ่มแรงด้น เข้าสู่แผงคอยล์เย็นมีปริมาณน้อย ทำให้ปริมาณน้ำยาแอร์ที่เข้าไปดูดจับความร้อนภายในห้องโดยสารได้ในปริมาณน้อย ส่งผลให้ภายในห้องโดยสารยังคงมีอากาศร้อนอยู่ ในการที่น้ำยาแอร์เหลือน้อยนั้น เกิดได้ในหลายกรณี ทั้งที่เกิดจากการใช้งานที่ยาวนาน ไม่ได้เติมน้ำยาแอร์ทำให้น้ำยาแอร์เหลือน้อย หรือเกิดจากการรั่วซึมของน้ำยาแอร์ในระบบ (ในกรณีนี้ แอร์จะไม่เย็นเลยหากน้ำยาแอร์รั่วออกจากระบบแอร์หมดแล้ว)
ในการซ่อมบำรุงระบบแอร์ ในกรณีที่น้ำยาแอร์ไม่เต็มระบบ หรือเหลือน้อยนั้น ทำได้โดยการไปร้านซ่อมแอร์รถยนต์ และให้ทางร้านเติมน้ำยาแอร์พร้อมทั้งเช็คว่ามีน้ำมันคอมเพรสเซอร์อยู่หรือเปล่า ถ้าไม่มีก็ให้ช่างเติมให้ด้วย และให้ช่างเช็คการรั่วซึมให้ด้วย ค่าใช้จ่ายในการเติมน้ำยาแอร์นั้นอยู่ที่ 500-700 บาท
 
2. ตู้แอร์รั่ว เกิดรอยรั่วตามรอยต่อจุดต่างๆ สายท่อแอร์มีรอยแตก
 
ปัญหาแอร์รถยนต์ที่ทำให้ระบบแอร์ในรถยนต์ไม่เย็นที่เกิดจากตู้แอร์รั่ว รอยรั่วตามจุดเชื่อมต่อต่างๆ หรือเกิดจากการรั่วซึมในระบบแอร์ทั้งหมด จากการรั่วซึมในจุดต่างๆในระบบแอร์ จะทำให้ค่าแรงดันของน้ำยาแอร์ตก ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้แอร์ไม่เย็นได้เช่นกัน ในเรื่องของปัญหาเหล่านี้ เป็นปัญหาที่ท่านผู้ขับขี่รถยนต์สามารถทำการตรวจสอบได้ง่าย โดยใช้น้ำสบู่หรือผสมแชมพู ตีให้เป็นฟองแล้วนำไปทาตามรอยต่อต่างๆ ของระบบแอร์ ถ้ามีแรงดันให้ฟองสบู่ลอยตัวขึ้นมานั้น แสดงว่ามีรอยรั่วซึมตามรอยต่อนั้น เมื่อตรวจพบให้ทำการขันให้แน่นแล้วทำการตรวจเช็คอีกรอบ
สำหรับการแตกรั่วซึมที่ท่อแอร์นั้น ต้องทำการเปลี่ยนใหม่ทั้งเส้น ซึ่งต้องไปที่ร้านซ่อมแอร์โดยเฉพาะ ในกรณีตู้คอยล์เย็นหรือแผงคอยล์รั่วซึมนั้น ควรที่จะเปลี่ยนใหม่ซึ่งราคาไม่สามารถระบุได้ขึ้นอยู่กับรุ่นของรถยนต์แต่ละรุ่น ถ้าเกิดมีการรั่วซึมของน้ำยาแอร์ในห้องโดยสาร ต้องทำการซ่อมบำรุงในทันที เพราะเป็นอันตรายต่อผู้ขับขี่เอง
 
3. ระบบระบายความร้อนบนแผงคอยล์ร้อน(Condenser) มีระบบระบายความร้อนไม่เพียงพอ(แอร์ไม่เย็น หรือเย็นเฉพาะตอนรถวิ่งหรือตอนกลางคืน)
 
ในกรณีที่ระบบระบายความร้อนของแผงคอยล์ร้อนระบายความร้อนไม่เพียงพอ เป็นอาการที่เกิดจากพัดลมระบายความร้อนหน้าแผงคอยล์ร้อน ไม่มีการทำงานหรือมีการทำงานน้อย ทำให้ระบบระบายความร้อนของน้ำยาแอร์ที่ออกมาจากคอมเพรสเซอร์ ไม่มีการระบายความร้อนออกจากน้ำยาแอร์ หรือมีการระบายความร้อนออกน้อย ทำให้น้ำยาที่ส่งเข้าคอยล์เย็นมีอุณหภูมิสูง ทำให้แอร์ไม่เย็นได้
 
ในกรณีนี้แอร์จะเย็นตลอดเมื่อรถยนต์มีการขับเคลื่อนรถยนต์เท่านั้น เพราะมีลมพัดเข้ามาด้านหน้าแผงคอยล์ร้อน ช่วยระบายความร้อนของแผงคอยล์ร้อนได้ครับ แต่เมื่อในกรณีที่รถติดนานๆ ทำให้ไม่มีลมผ่านด้านหน้าแผงคอยล์ ทำให้แผงคอยล์ร้อนไม่สามารถระบายความร้อนได้เพียงพอ ทำให้แอร์ภายในรถยนต์ไม่เย็นได้
 
การตรวจเช็คระบบระบายความร้อนแผงคอยล์ร้อนไม่ยุ่งยาก เพียงท่านเปิดฝากระโปรงด้านหน้า ติดเครื่องยนต์ พร้อมเปิดแอร์ เมื่อมีการทำงานของคอมเพรสเซอร์ พัดลมหน้าแผงคอยล์ร้อนจะทำงานพร้อมกัน ถ้าพัดลมหน้าแผงคอยล์ร้อนไม่ทำงาน หรือหมุนช้ามีเสียงดัง นั่นแสดงว่าพัดลมด้านหน้าแผงคอยล์ร้อนเสีย หรือเสื่อมสภาพแล้วต้องการเปลี่ยนใหม่
แผงคอยล์ร้อนมีรูปร่างคล้ายหม้อน้ำ ติดตั้งอยู่ติดกับหม้อน้ำ และจะมีพัดลมระบายความร้อนติดอยู่ ซึ่งจะมีพัดลม 1 หรือ 2 ตัว ขึ้นอยู่กับชนิดของรถยนต์ โดยปกติหลังจากการแก้ไขปัญหาต่างๆ เกี่ยวกับระบบแอร์ เราจะทำการทำความสะอาดคอนเดนเซอร์ เพื่อให้การระบายความร้อนของน้ำยาแอร์ดีขึ้น ซึ่งจะทำให้ระบบแอร์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
 
4. ลูกสูบภายในคอมเพรสเซอร์หลวมไม่มีกำลังอัด - แอร์ไม่เย็น เย็นบ้างไม่เย็นบ้าง
 
ในกรณีที่ลูกสูบคอมเพรสเซอร์หลวม ทำให้ระดับแรงดันของน้ำยาแอร์ที่ออกมาจากคอมเพรสเซอร์มีน้อย ทำให้แรงดังของน้ำยาแอร์ฉีดเข้าคอยล์เย็นมีปริมาณน้อย ไม่เพียงพอที่จะดูดซับความร้อนภายในห้องโดยสารได้ ทำให้ระบบแอร์ไม่เย็นได้
 
ในกรณีนี้ สามารถสังเกตได้จากเมื่อติดเครื่องยนต์เปิดแอร์ แอร์ไม่เย็นหรือเย็นไม่มากนัก (พัดลมระบายความร้อน แผงคอยล์ร้อนทำงานปกติ แผงคอยล์ร้อนทำงานปกติ ระบบท่อน้ำยาแอร์ไม่รั่ว) แต่เมื่อเร่งเครื่องยนต์แล้วแอร์เย็น นั่นแสดงว่าลูกสูบคอมเพรสเซอร์หลวม ทางแก้ไขปัญหาคือ ให้เปลี่ยนลูกสูบใหม่หรือมือสอง(ไม่นิยมซ่อมเพราะราคาซ่อมพอๆกับการเปลี่ยนคอมเพรสเซอร์ลูกใหม่) ควรหาร้านที่น่าเชื่อถือที่สุด
 
5. ชุดวาล์ว และดรายเออร์อุดตัน หรือเสื่อมคุณภาพ - แอร์ไม่เย็น เย็นบ้างไม่เย็นบ้าง
 
ในกรณีที่วาล์ว และดรายเออร์อุดตันทำให้แรงดันน้ำยาแอร์ที่ออกจากคอมเพรสเซอร์ไหลผ่านเข้าคอยล์เย็นไม่สะดวก ทำให้น้ำยาแอร์ที่ฉีดไม่เพียงพอที่จะดูดซับความเย็นภายในห้องโดยสารได้ ทำให้ระบบแอร์ภายในห้องโดยสารเย็นเป็นช่วงๆ หรือไม่เย็นได้ ตรวจเช็คได้โดยการติดเครื่องยนต์เปิดแอร์ (ต้องไม่ีมีการรั่วของระบบแอร์ คอมเพรสเซอร์สมบูรณ์ พัดลมระบายอากาศทำงานปกติ) แอร์มีระดับความเย็นไม่มากและมีเสียงดังอยู่ใกล้ตู้แอร์ หรือแอร์ไม่เย็นเลย แต่เมื่อเร่งเครื่องยนต์แล้วแอร์มีความเย็นนั่นแสดงว่า ชุดวาล์วและดรายเออร์เกิดการอุดตันแล้ว
 
การแก้ไขปัญหา โดยถอดเปลี่ยนชุดวาล์วและดรายเออร์ใหม่ (ชุดวาล์วและดรายเออร์ควรที่จะเปลี่ยนพร้อมกัน เพราะดรายเออร์จะทำหน้าที่กรองสิ่งสกปรกจากน้ำยาแอร์ เมื่อวาล์วแอร์อุดตันนั่นแสดงว่าดรายเออร์ชำรุดแล้ว)
 
ชุดวาล์วและดรายเออร์ (Valve and Drier) วาล์วมีหน้าที่ฉีดน้ำยาแอร์เข้าไปที่ตู้แอร์ หรือคอยล์เย็น ส่วนดรายเออร์เป็นตัวกรองสิ่งสกปรกในน้ำยาแอร์ และดูดความชื้นออกจากน้ำยาแอร์ อุปกรณ์สองตัวนี้จะเสื่อมสภาพตามการใช้งาน และอาจจะเกิดการอุดตันได้ โดยเฉพาะเมื่อมีปัญหาที่คอมเพรสเซอร์ หรือมีการเปิดระบบเพื่อทำการซ่อม สารตัวดูดความชื้นในดรายเออร์อาจจะเสื่อมสภาพ ดังนั้นดรายเออร์แนะนำให้เปลี่ยนทุกครั้งที่มีการซ่อมแอร์รถยนต์ วาล์วและดรายเออร์ควรเป็นอุปกรณ์ใหม่ ไม่ควรใช้ของเก่าเพราะจะทำให้เกิดปัญหาอุดตันได้ง่าย
 
 
6. คลัตช์คอมเพรสเซอร์จับไม่สนิท(คลัตช์ลื่น) - แอร์ไม่เย็น เย็นบ้างไม่เย็นบ้าง
 
ปัญหาของคลัตช์คอมเพรสเซอร์จับไม่สนิท(คลัตช์ลื่น) นั่นเกิดจากกระแสไฟที่ส่งเข้ามายังคลัตช์แม่เหล็กมีปริมาณน้อย ไม่เพียงพอที่จะทำให้คลัตช์คอมเพรสเซอร์ติดเข้ากับมูลเลย์ได้ หรือสามารถติดได้แต่ไม่แน่น เกิดการฟรีในบางจังหวะ เมื่อคลัตช์คอมเพรสเซอร์มีการจับมูเลย์บ้างไม่จับบ้าง ก็เป็นสาเหตุให้คอมเพรสเซอร์ทำงานบ้าง ไม่ทำงานบ้าง จึงทำให้แอร์เย็นเป็นช่วงๆ หรือไม่เย็นเลย ในการแก้ไขปัญหาสามารถดูได้ 3 จุด
 
1.ระบบสายไฟที่ส่งมายังคลัตช์คอมเพรสเซอร์บกพร่อง
2. ชุดสวิตช์ระดับเซ็นเซอร์ควบคุมความเย็น (Themostat) มีการเสื่อมสภาพ
3. ทำการปรับแต่งหน้าคลัตช์ให้เรียบเสมอ และตั้งระยะคลัตช์ใหม่ จะมีค่าใช้จ่ายสูง
 
7. สายพานคอมเพรสเซอร์หย่อนมากเกินไป
 
การที่สายพานคอมเพรสเซอร์แอร์หย่อนมากเกินไป ทำให้ในเวลาที่คอมเพรสเซอร์ทำงาน สายพานที่รับกำัลังจากเครื่องยนต์ เพื่อฉุดให้คอมเพรสเซอร์หมุนนั้นเกิดการฟรี ไม่สามารถที่จะฉุดให้คอมเพรสเซอร์หมุนได้ สามารถสังเกตได้ เมื่อคอมเพรสเซอร์ทำงานจะเกิดเสียงดังและแอร์ภายในรถยนต์จะไม่ค่อยเย็น
การแก้ไขปัญหาคือการปรับระดับสายพานให้ตึงขึ้น ถ้าสายพานมีรอยแตกหรือฉีกขาดควรเปลี่ยนเส้นใหม่ทันที
 
8. การใช้น้ำยาแอร์ที่ผิดประเภท ไม่ถูกต้องตรงกับระบบเครื่อปรับอากาศรถยนต์ที่ติดตั้ง
 
การใช้น้ำยาแอร์ที่ผิดประเภท หรือใช้น้ำยาแอร์ปลอมปนนั้น จะก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบแอร์รถยนต์ ซึ่งจะส่งผลให้ประสิทธิภาพในการทำความเย็นลดลงได้ โดยทั่วไปแล้วหากมีการปลอมปนของน้ำยาแอร์ ในระดับ 2-3% โดยน้ำหนักแล้ว จะไม่ก่อให้เกิดผลเสียหายต่อระบบแอร์รถยนต์มากนัก แต่ถ้าหากมีการปลอมปนของน้ำยาแอร์ที่มากกว่า 5% โดยน้ำหนักแล้ว จะก่อให้เกิดผลเสียหายต่อระบบแอร์รถยนต์แตกต่างกันไป ขึ้นกับลักษณะของการปลอมปน โดยหลักๆได้แก่
 
  • ทำให้ความดันในระบบแอร์รถยนต์เพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้อุปกรณ์ในระบบแอร์รถยนต์ ไม่สามารถทนแรงดันซึ่งสูงกว่าที่บริษัทผู้ผลิตออกแบบไว้ เกิดความเสียหายหรือระเบิดขึ้น เมื่อความดันในระบบแอร์รถยนต์เพิ่มมากขึ้น จะส่งผลให้คลัตช์ของคอมเพรสเซอร์มีความร้อนสูงและเสียหายได้
  • ทำให้การทำงานของคอยล์เย็น และเอ็กซ์แพนชั่นวาล์วผิดปกติ ส่งผลให้แอร์ในรถไม่เย็นความเสียหายต่างๆ ที่กล่าวมานี้จะไม่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน แต่อปกรณ์ต่างๆ จะค่อยๆเสียหายและหมดอายุการใช้งานก่อนกำหนด เมื่อผ่านไประยะเวลาหนึ่ง

บทความอื่นๆ

สินค้าใหม่