ภาวะสิ้นยินดี เป็นโรคทางจิตใจที่ในระยะหลัง ๆ เราได้เห็นกันบ่อยขึ้นทั้งทางโซเชียลมีเดีย หรือมีประสบการณ์ตรงจากคนใกล้ตัว หรือบางครั้งที่เราเองก็รู้สึกเฉย ๆ ไปกับทุกอย่าง ไม่ได้มีความสุขแต่ก็ไม่ได้เศร้า จนเดาไม่ได้ว่าจิตใจเรายังปกติดีอยู่ไหม งั้นเอาเป็นว่ามารู้จักภาวะสิ้นยินดีกันก่อน พร้อมเช็กอาการบ่งชี้ของภาวะนี้ ว่าเราเข้าข่ายมากน้อยแค่ไหน
ภาวะสิ้นยินดี หรือ Anhedonia เป็นคำที่ใช้อธิบายภาวะของคนที่มีความสนใจต่อสิ่งที่คุ้นเคยลดลง มีความสนุกในกิจกรรมต่าง ๆ ที่เคยทำลดลง อีกทั้งยังหาความสุข ความพอใจในชีวิตได้ยากขึ้น เรียกได้ว่าใช้ชีวิตอยู่กับความว่างเปล่าไปวัน ๆ โดยภาวะสิ้นยินดีจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
1. ภาวะสิ้นยินดีทางสังคม (Social Anhedonia) ผู้ป่วยจะไม่อยากพบเจอ พูดคุย ไม่ได้ต้องการสร้างสัมพันธ์กับบุคคลใด
2. ภาวะสิ้นยินดีทางร่างกาย (Physical Anhedonia) ผู้ป่วยจะไม่มีความรู้สึกเพลิดเพลินกับการทำกิจกรรมต่าง ๆ เช่น ไปกินอาหาร ไปดูหนัง ก็ไม่ได้แฮปปี้เหมือนที่เคย
ทั้งนี้ ภาวะสิ้นยินดีเป็นหนึ่งในอาการที่พบได้ในผู้ป่วยโรคซึมเศร้าชนิดรุนแรง แต่ก็อาจเป็นหนึ่งในอาการของโรคทางจิตเวชอื่น ๆ หรือโรคเรื้อรัง เช่น พาร์กินสัน ได้ด้วย อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่าคนที่เป็นภาวะสิ้นยินดีจะต้องป่วยด้วยโรคจิตเวชกันทุกคนนะคะ เพราะมีเคสที่ไม่รู้สึกยินดียินร้าย แต่ก็ตรวจไม่พบโรคทางจิตเวชใด ๆ เช่นกัน.
สาเหตุของภาวะสิ้นยินดี เกิดได้จากหลายปัจจัยด้วยกัน เช่น
ทั้งนี้ พันธุกรรมก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่เพิ่มความเสี่ยงของภาวะสิ้นยินดีให้มากขึ้น โดยเฉพาะในกรณีที่พ่อแม่มีปัญหาสุขภาพจิต เช่น ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า ก็มีโอกาสที่ลูกจะประสบปัญหาสุขภาพจิตและนำไปสู่ภาวะสิ้นยินดีได้
เช็กกันหน่อยว่าอาการแบบไหนเข้าข่ายภาวะสิ้นยินดี
การรักษาภาวะสิ้นยินดีในปัจจุบันยังใช้วิธีรักษาตามโรคหลักที่ผู้ป่วยเป็น โดยหากพบว่าเรามีอาการเข้าข่าย ควรไปพบจิตแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยอาการและรับคำปรึกษา การบำบัดรักษาที่ตรงจุด เช่น หากพบว่าป่วยโรคจิตเวชอยู่ก่อน แพทย์ก็จะรักษาด้วยวิธีทางจิตวิทยา หรือหากมีสาเหตุมาจากโรคทางกาย ก็ต้องหาวิธีรักษาโรคทางกายให้ผู้ป่วยกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ ซึ่งอาจส่งผลให้อาการทางใจทุเลาลงไปด้วย
|