เข้าสู่ศักราชใหม่อย่างปี 2566 กันแล้ว โดยในปีที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่าตลาดทุนมีปัจจัยกดดันเข้ามาไม่หยุด ซึ่งทิศทางปี 2566 จะเป็นอย่างไรต่อไป คอลัมน์ “โพยหุ้น” ประจำวันจันทร์ เราก็มาพบกันอีกเช่นเคย ซึ่งในครั้งนี้เราได้รวบรวมกลยุทธ์การลงทุนในปี 2566 มาฝากนักลงทุน หากถอดมุมมองของนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ที่ออกมาระบุว่า ในช่วงไตรมาส 1/66 ผลลบจากดอกเบี้ยขาขึ้นเข้าสู่ปลายทางแล้ว ตลาดหุ้นเอเชียจะให้น้ำหนักการเปิดเมืองของจีนเชิงบวก มากกว่า ผลลบจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ถดถอย (US Recession) โดยประเมินว่าจะเป็นปีทองของตลาดหุ้นเอเชีย คาดจะ Outperform ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย +12% จากเศรษฐกิจเอเชียฟื้นตัว และตลาดหุ้นมี Valuation ถูก ขณะที่ไทยมีภาพบวกเพิ่มเติมจากการเลือกตั้งใหญ่ และเข้าสู่รอยต่อโครงสร้างพื้นฐานที่จะทยอยแล้วเสร็จ
ทั้งนี้ประเทศไทยมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว นำโดย การเลือกตั้งใหญ่ที่ไม่ช้าไปกว่า 7 พ.ค.66 หลังจากกฎหมายลูกเลือกตั้งชัดเจนว่าจะเป็นการใช้ฉบับที่ผ่านการพิจารณาร่วมกัน คาดจะเปิดโอกาสให้เกิดภาพ Election Rally หนุนตลาดหุ้นช่วงปลายไตรมาส 4/65 ไปจนถึงครึ่งแรกของปี 2566 รับความคาดหวังบวกต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจหลังเลือกตั้งจะดีขึ้น หลัง 4 ปีที่ผ่านมาเป็นการวางพื้นฐานหลายส่วน โดยเฉพาะโครงสร้างภาษี รวมถึงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของประเทศช่วงที่ผ่านมา ประเมินมีสัดส่วนโครงการกว่า 84.2% ของโครงการทั้งหมด 2.7 ล้านล้านบาท ที่จะเริ่มดำเนินการระหว่างสมัยรัฐบาลใหม่ปี 2566-70 จะเป็นปัจจัยหนุนกระแสการลงทุนในไทย
ดังนั้นจึงประเมิน SET Index บนสมมติฐาน EPS ตลาดปี 2566 ที่ 105 บาท/หุ้น เติบโต 6%จากปีก่อน และให้ดัชนีเป้าหมายปี 2566 ที่ 1,800 จุด (อิงระดับ ERP ที่ค่าเฉลี่ย 3.06%) แรงหนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ ผสาน China Reopening ช่วยเพิ่มอัตราเร่งดุลบัญชีเดินสะพัดไทยเริ่มพลิกกลับมาเป็นบวกได้ +4.5% ของ GDP หนุนเศรษฐกิจไทยปี 2566-67 เติบโตสูง 3.8% แนะนำถือน้ำหนักหุ้นไทย 65-70% , หุ้นต่างประเทศคงไว้ที่ 10-15%, พันธบัตร 15% และถือสินทรัพย์ทางเลือกอื่นๆ ราว 5% ส่วนพอร์ตการลงทุนเป็น Barbell Portfolio ที่ยืดหยุ่น แต่เน้น Domestic Plays ซึ่งได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยและ ภูมิภาคเป็นหลัก
1. กลุ่ม Consumer และ Reopening ที่เติบโต/ฟื้นตัวไปกับธีม China Reopening (AAV, AOT, CPALL, CRC, SCGP, AMATA, SPA)
2.ผสานกลุ่ม Anti-Commodity ที่ได้ประโยชน์ราคาพลังงานผ่านจุดสูงสุด และกระแส EV Ecosystem กำลังเติบโต(GPSC, GULF)
3. Farm Income จะเห็นภาพเศรษฐกิจกลุ่มประชาชนฐานรากคึกคักรับการเลือกตั้ง (CBG, MC, ONEE, SAPPE, ICHI)
4.เลือกรายตัวสำหรับหุ้นกลุ่ม High Growth (BE8) ที่จะเป็นกลุ่มแรกที่ตลาดพิจารณาดึงสถานะกลับหลังจากการเร่งปรับดอกเบี้ยนโยบายเพื่อรับมือเงินเฟ้อพ้นจุดที่แย่สุด แต่กำไรต้องเติบโตคาดหวังได้จริง หรือ Value (BBL, BAM) กลุ่มหุ้นคุณค่าที่มี Valuation ถูก และพ้นจุดที่แย่สุดไปแล้ว อีกทั้งตลาดมีความคาดหวังน้อย
แนะนำ 2023 Best Picks: AAV, AOT, AMATA, CPALL, CRC, GPSC, GULF, SCGP, CBG, BAM, BBL
Mid-Small Cap Play: SPA, ICHI, SAPPE, BE8, ONEE, MC
สำหรับการลงทุนต่างประเทศปี 2566 ทยอยเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในประเทศที่ได้ประโยชน์ จากการเปิดประเทศของจีน แนะนากองทุน ASP-EVOCHINA (จีน), SCBKEQTG (เกาหลีใต้) และ TSF-A (ไทย) |