ตึกที่ 1. Burj Khalifa
เชื่อว่าหลายคนเดาได้ จะด้วยจากภาพหน้าปกหรือจากการที่เคยเห็น ตึก นี้ผ่านตากันมาตามสื่อต่างๆเพราะถือว่าเป็นตึกที่โดดเด่นเเละมีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของโลกนั่นก็คือ ตึกเบิร์จคาลิฟา หรือชื่อเดิมที่เรียกกันคือ ตึกเบิร์จ ดูไบ(Burj Dubai)หลายคนคงเคยเห็นกันผ่านทางภาพยนตร์อย่างMission:Impossible–Ghost Protocolโดยถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์ใหม่และสร้างชื่อเสียงให้นครดูไบบนแผนที่โลก ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเพื่อเป็นเกียรติแก่ เคาะลีฟะฮ์ บิน ซายิด บิน สุลฏอน อัลนะฮ์ยาน(Khalifa bin Zayed Al Nahyan)ประธานาธิบดีคนที่สองแห่งสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เนื่องจากพระองค์ได้ให้ช่วยเหลือทางด้านการเงินครั้งใหญ่ให้กับนครดูไบ โดยด้านในตัวตึกมีทั้ง สำนักงาน ภัตตาคาร คอนโด สระว่ายน้ำแบบเอาท์ดอร์ สุเหร่า หอดูดาวกลางแจ้ง จุดชมวิวสูงที่สุดในโลก และ มีลิฟต์สูงที่สุดในโลกอีกด้วย และถ้าหากถามว่าตึกสูงขนาดนี้ ลิฟต์ต้องใช้เวลาเดินทางเท่าไหร่ ไม่ต้องห่วงครับ เพราะลิฟต์ที่เดินทางเร็วที่สุดในโลกก็อยู่ในตึกนี้ด้วยเช่นกัน โดยลิฟต์มีความเร็ว10เมตรต่อวินาที ก็คือถ้าจะไปถึงจุดชมวิวชั้น124จะใช้เวลาแค่1นาทีเท่านั้น
ตึกที่ 2. Sky City
ตึกนี้ตั้งอยู่ในมณฑลหูหนานของจีน เหตุที่ผุดไอเดียนี้ขึ้นมาก็เพราะว่าริษัท บรอดซัสเทนนาเบิลคอนสตรักชั่น(Broad Sustainable Construction(BSC)ซึ่งมีชื่อเสียงมาก เมื่อปีพ.ศ.2553 จากการโชว์งานประกอบโรงแรมArk Hotel ในมณฑลหูนาน ซึ่งสูง30ชั้น โดยใช้เวลาเพียงแค่15วัน และยังคงใช้งานได้อย่างสมบูรณ์แบบจนทุกวันนี้ และเมื่อปลายปีที่ผ่านมาวิศวกรและสถาปนิกจีน ได้ประกาศโชว์งานประกอบอาคารระฟ้า สกายซิตี้ ตึกสูงทึ่สุดในโลก220ชั้น(838เมตร) ให้เสร็จภายใน90วัน หรือเฉลี่ยวันละ5ชั้น โดยรายงานข่าวอ้างคำกล่าวของกลุ่มสถาปนิกผู้สร้างว่า ตึกสกายซิตี้ซึ่งจะสร้างที่เมืองฉางซานี้ ออกแบบสร้างโดยกลุ่มวิศวกรและสถาปนิกผู้ผ่านงานสร้างตึกเบิร์จคาลิฟา(Burj Khalifa)ในดูไบด้วย และหากนับความสูงแล้วตึกสกายซิตี้ จะสูงกว่าตึกเบิร์จคาลิฟา10เมตร แต่มีการเลื่อนระยะเวลาประกอบจาก90วัน หรือ3เดือน ออกไปเป็น7 เดือน ซึ่งก็ถือว่าเป็นเวลาที่สั้นมากๆ อยู่ดีเมื่อเทียบ กับเบิร์จคาลิฟา ที่ใช้เวลาสร้างถึง6ปีซึ่งตึกที่ว่านี้ใช้เทคนิคการประกอบแบบ(พรีแฟบ-Prefabricated modular) อันลดระยะเวลาก่อสร้างได้มากเนื่องจากไม่ต้องทำหรือก่อทีละชั้นก่อนจึงเริ่มชั้นถัดไปแต่สามารถทำชิ้นส่วนทุกชั้นพร้อมกันโดยเตรียมจากโรงงานต่างๆในเวลาเดียวกันและขนส่งมายังสถานที่ก่อสร้างเพื่อยกขึ้นประกอบทีละชั้นๆ ด้วยทาวเวอร์เครนแต่ความสำคัญอยู่ที่ชิ้นส่วนทุกชิ้นต้องมีการออกแบบมาอย่างดีและสร้างขึ้นจากการคำนวณที่ละเอียดแม่นยำ
ตึกที่ 3. Abraj Al-Bait Complex and Makkah Royal Clock Tower
ที่ประเทศซาอุดิอาราเบีย เรามั่นใจเลยว่าเป็นตึกที่สูงที่สุดในโลกที่หลายๆคนคิดไม่ถึง ไม่มีอยู่ในสารบบความคิด และไม่เคยเห็นแน่นอนกับAbraj Al-Bait Clock Tower อับราจ อัล เบท ทาวเวอร์ส ที่นครมักกะห์ ตอนที่ทำข้อมูลเรื่องอันดับตึกที่สูงที่สุดในโลก เราได้เห็นรูปเรนเดอร์เดี่ยวๆจากเว็บที่รายงานอับดับความสูงก็ไม่ได้คิดอะไร จนกระทั่งได้เสิร์ชดูรุปจริงของตัวAbrajAl-BaitClockTower ก่อนจะค้นพบว่าเป็นตึกที่แปลกมาก เพราะมาในรูปแบบของหอนาฬิกาสมชื่อ แถมยังเป็นหอนาฬิกาขนาดใหญ่ที่หากกะขนาดด้วยสายตา เข็มสั้นบนหน้าปัดนาฬิกาเรือนนี้น่าจะสูงประมาณสัก5ชั้นของอาคารได้เลยมั้ง เส้นผ่าศูนย์กลางยาวถึง40เมตร มองเห็นได้จากเกือบๆ2กิโลเมตร เรียกได้ว่าเป็นสถาปัตยกรรมที่มีความโดดเด่นเเละไม่เหมือนใครมากๆ ในเรื่องสีก็เช่นเดียวกัน เราชอบสีของกระจกและตัวอาคารที่เป็นสีฟ้าเทอร์ควอยส์ (Turquoise) สลับกับทองมาก ๆ มันดูสวย หรู ร่ำรวยแบบเอะอะไม่ทิ้งเอกลักษณ์วัฒนธรรมตะวันออกกลางเลยแม้แต่นิดเดียว ด้านในอาคารจะเป็นMixed-useที่เเบ่งออกเป็นหลายส่วนด้วยกันไม่ว่าจะเป็นศูนย์การประชุม โถงละหมาดสำหรับ3,800คน ศูนย์การค้าและโรงแรม
ตึกที่ 4. Ping An International Finance Centre
ขึ้นชื่อว่ามหาอำนาจใหม่ จะมีสิ่งปลูกสร้างอลังการในแผ่นดินเยอะก็ไม่ใช่เรื่องแปลก โดยตึกที่สูงที่สุดในโลกอันดับที่สี่นี้ ตั้งอยู่ที่นครเซิ่นเจิ้น ชื่อเมืองที่คนไทยหลายคนน่าจะรู้จักกันดี เพราะแค่ข้ามฝั่งภูเขาจากฮ่องกงเท่านั่นเอง แต่ก็เรียกได้ว่าชื่อเสียงนั้นไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่ ซึ่งเอาจริงๆเเล้วเซิ่นเจิ้นเป็นเมืองที่เจริญมาก เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจอีกแห่งของจีน ที่อยู่ติดกับฮ่องกงเลย ซึ่งถ้าหากดูจากรูปนี้ จะดูเหมือนกับว่าตัวอาคารตึกที่สูงที่สุดในโลกอันดับนี้ไม่ได้สูงมาก เพราะบอกตามตรงว่าอาคารอื่นๆในเขตCBDของเซิ่นเจิ้นก็ล้วนแล้วแต่เป็นอาคารที่สูงมากด้วยกันทั้งนั้น แต่ถ้ามาดูความสูงที่เกือบๆ600เมตรเเล้ว ลองเอาไปเทียบกับตึกที่สูงที่สุดในโลกอันดับที่3ที่ไม่ค่อยมีตึกสูงอื่นโดยรอบก็ถือว่าPing An International Finance Centre เป็นตึกที่สูงมากเลยทีเดียว
ตึกที่ 5. Signature Tower
มาถึงประเทศในเขตเพื่อนบ้านAECของเรากันบ้างกับโครงการ‘เดอะซิกเนเจอร์ทาวเวอร์’จะสร้างขึ้นที่ใจกลางย่านธุรกิจของจาการ์ตา(Sudirman Central Business District-SCBD)ใช้เงินลงทุน2,000ล้านดอลลาร์สหรัฐฯโดยหุ้นส่วนของนายวินาต้าคือบริษัทเอ็มจีเอ็มฮอสปิตาลิตี้ฯยักษ์ใหญ่โรงแรมจากสหรัฐอเมริกา ตึกเดอะซิกเนเจอร์ทาวเวอร์จะมีชั้นหอคอยและภัตตาคารอยู่บนสุดโรงแรมเอ็มจีเอ็ม6ดาว22ชั้นพื้นที่สำนักงานเกรดเอ2โซน โซนละ22ชั้นโซนอพาร์ตเมนต์22ชั้นเพียบพร้อมด้วยศูนย์ประชุมและร้านค้าสินค้าหรูมีลานจอดรถ6ชั้นออกแบบโดยบริษัทดังจากสหรัฐอเมริกาคือบริษัทสมอลวู้ดฯบริษัทเรย์โนลด์ฯและบริษัทสจ๊วตแอนด์แอสโซซิเอทฯ
ตึกที่ 6. Lotte World Tower
สำหรับใครที่ไปเกาหลีใต้ โดยเฉพาะในกรุงโซลเเล้วมีโอกาสได้ขึ้นโซลทาวเวอร์ คงจะสังเกตเห็นอาคารสูงที่โดดเด่นจากระยะไกลหลายสิบกิโลเมตรหนึ่งในตึกที่สูงที่สุดในโลกอย่างLotteWorldTower เพราะโดยส่วนตัวตอนที่เราไปเที่ยวโซล เรามองเห็นอาคารนี้ครั้งแรกตอนที่นั่งรถไฟฟ้าข้ามแม่น้ำฮัน รู้สึกตอนนั้นเราจะอยู่ที่สถานีTtukseom Resortกำลังกลับฮงแด บรรยากาศตอนเย็นๆพระอาทิตย์กำลังจะตก แล้วมองเห็นวิวตึกนี้อยู่ไกลๆ คือดีมาก ตึกLotteWorldTower เป็นหนึ่งในตึกที่สูงที่สุดในโลกของกลุ่มบริษัท ธุรกิจหลากหลายชนิด โดยเป็นการร่วมมือกันระหว่างกลุ่มบริษัทในเกาหลีใต้และกลุ่มบริษัทในญี่ปุ่น มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ซึ่งก็คือตึกนี้นั่นเอง โดยธุรกิจส่วนใหญ่ที่ทำก็จะอยู่ภายใต้ชื่อ Lotte อย่างในเกาหลีเองก็มีทั้งห้างสรรพสินค้าเเละสวนสนุกที่เป็นแลนด์มาร์คของโซลในชื่อนี้อีกด้วย
ตึกที่ 7. One World Trade Center
ทุกคนคุ้นๆ กับชื่อของตึกที่สูงที่สุดในโลกอันดับนี้กันไหมครับ แน่นอนว่านอกจากจะเป็นชื่อเก่าของอาคารแฝดที่ถูกทำลายจากเหตุการณ์9/11แล้วเนี่ย ซึ่งแน่นอนว่าOneWorldTradeCenterถูกสร้างขึ้นแทนที่กลุ่มอาคารเดิมที่ถูกทำลายไป โดยใช้งบประมาณในการก่อสร้างทั้งสิ้น3,900ล้านดอลลาร์สหรัฐ(117,000 ล้านบาท) ปัจจุบันตึกOneWorldTradeCenter หลังใหม่นี้ ภายในอาคารเป็นสำนักงานและด้านบนมีจุดชมวิว360องศาของเกาะแมนฮัตตัน มองเห็นคลอบคลุมไม่ว่าจะเป็น อัพทาวน์ มิดทาวน์ ดาวน์ทาวน์ ควีนส์ และ บรูคลิน รวมถึงนิวเจอร์ซี่อีกด้วย เรียกได้ว่านอกจากจะเป็นหนึ่งในตึกที่สูงที่สุดในโลกแล้ว ก็ยังเป็นอนุสรณ์ที่เต็มไปด้วยเรื่องราวในอดีตที่ชาวนิวยอร์กไม่มีวันลืมอีกด้วย แต่จะว่าไปด้านบนของตัวอาคารOneWorldTradeCenterหลังใหม่นี้ก็มีความคล้ายกับอาคารแฝดหลังเดิมอยู่ จากนั้นพอไล่ระดับลงมา จึงเหมือนถูกบิดมุมให้เปลี่ยนแปลงไป ดูแล้วสวยเเละมั่นคงดีทีเดียว
ตึกที่ 8. Guangzhou CTF Finance Centre
ตึกนี้อยู่ในประเทศจีน ในกวางโจวโดยกวางโจวนั้นเป็นเมืองเศรษฐกิจของจีนอีกเมืองหนึ่ง ซึ่งอยู่ใกล้กับฮ่องกงมาก ฉะนั้นเรื่องความเจริญไม่ต้องพูดถึง เรียกได้ว่าใกล้เคียงกันมาก ๆ จึงไม่แปลกเลยที่จะมีหนึ่งในตึกที่สูงที่สุดในโลกที่สูงขนาดนี้ตั้งอยู่ โดยในรูป ตึกGuangzhou CTF Finance Centreจะเป็นตึกที่สูงกว่านะ ตัวตึกเป็นสีเทาขาว ฐานถึงยอดตึกเกือบจะมีขนาดเท่ากัน ตัวตึกเป็นทรงกระบอกที่ฐานและยอดอาคารเกือบจะเสมอกัน โดยมีระยะร่น Setback เพียงเล็กน้อย ดูหนังแน่นและมั่นคงดี โดยด้านในจะประกอบไปด้วย ห้างสรรพสินค้าK11 Art Mallโรงหนังแบบ4DXพื้นที่อยู่อาศัย โรงแรม สวนในร่ม โดยทั้งหมดถูกรังสรรค์อย่างอลังการตามสไตล์พี่จีนบนพื้นที่ว่า750,000ตารางเมตรเลยทีเดียว โดยตึกที่สูงที่สุดในโลกในอันดับที่ 7 และ 8 สังเกตว่าชื่อตึกจะลงท้ายด้วยCTF Finance Centreเหมือนกันเลย เพราะโดยหลักๆเเล้วด้านใน พื้นที่ส่วนใหญ่ก็จะเป็นสำนักงานเกี่ยวกับการเงินนั่นเอง
ตึกที่ 9. Tianjin CTF Finance Centre
Tianjin CTF Finance Centre นั้น ซึ่งพอพูดถึงเมืองเทียนจิน หลายคนน่าจะไม่รู้จัก แต่ขอบอกเลยว่าเมืองเทียนจินเป็นอีกเมืองเศรษฐกิจที่มีความสำคัญมากของประเทศจีน มีกลุ่มอาคารและพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษขนาดใหญ่ จำนวนประชากรเยอะ ฉะนั้นตึกที่สูงที่สุดในโลกอันดับ 9 จะมาโผล่ที่เทียนจินก็ไม่แปลก ตึกอลังการใช้ได้ ดูแล้วให้ฟีลหนังไซไฟดี มีความโค้งมนจากการบิดแกนของตัวตึกคล้ายสว่าน อาจเป็นเพราะตึกรอบด้านไม่สูงมากนัก เลยยิ่งทำให้ Tianjin CTF Finance Centre ยิ่งเด่นขึ้นไปอีก โดยด้านในตึกเป็นสำนักงานระดับสูงGrade A Officeต่างๆ มีที่อยู่อาศัย และโรงแรม
ตึกที่ 10. Taipei 101
น่าจะเป็นตึกที่คนไทยหลายๆคนคุ้นชื่อเเละเคยไปกันมาบ้างเเล้วสำหรับ ไทเป101 เพราะเป็นตึกที่สูงที่สุดในโลกอยู่ในเมืองท่องเที่ยวยอดฮิตของคนไทยที่ไม่ต้องขอวีซ่าอย่างเมืองไทเป ประเทศไต้หวัน แถมยังเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายของโปรเเกรมทัวร์ ที่จะต้องพาลูกทัวร์ขึ้นไปชมวิวจากบนตึกไทเป101 อีกด้วย เพราะความที่เป็นตึกแลนด์มาร์คสำคัญของไทเป ที่ถือว่ามีงานสถาปัตยกรรมที่ได้แรงบันดาลใจมาจากเจดีย์ของจีน เรียงต่อกันเป็นขั้น ธีมสีการออกแบบเป็นสีเขียวอมฟ้า หากได้ภาพถ่ายตอนเย็น ๆ ที่แสงอาทิตย์บนท้องฟ้าด้านหลังตึกเป็นช่วงTwilight นิดๆจะยิ่งช่วยให้ตัวตึกสวยมากยิ่งขึ้นไปอีก ปัจจุบันด้านในตึกไทเป 101 ประกอบไปด้วย ห้างสรรพสินค้า,อาคารสำนักงานรวมทั้งจุดชมวิวและร้านขายของที่ระลึกด้วย โดยมีบริษัทศูนย์การเงินของไทเปเป็นเจ้าของและบริหารจัดการโดยฝ่ายต่างประเทศของบริษัทค้าปลีกอสังหาริมทรัพย์เมือง (Urban Retail Properties Corporation) ใครที่มีโอกาสได้ไปไต้หวันเเละกรุงไทเป ก็อย่าลืมแวะไปเยี่ยมชมตึกไทเป101 กัน ไปชมวิวมุมสูงของเมืองไทเป ไปชมสถาปัติยกรรมสวยๆในยุคใหม่กัน |