Lipoma หรือ เนื้องอกไขมัน เกิดจากเนื้อเยื่อไขมันเจริญเติบโตขึ้นบริเวณใต้ผิวหนังจนเกิดเป็นก้อนนูนที่มีลักษณะนิ่ม จัดเป็นเนื้องอกที่ไม่อันตราย แต่ผู้ป่วยควรสังเกตอาการและตรวจดูความเปลี่ยนแปลงของเนื้องอกเป็นระยะ หากเนื้องอกดังกล่าวส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน มีอาการเจ็บปวด หรือมีขนาดขยายใหญ่ขึ้น อาจต้องผ่าตัดออกหรือรักษาด้วยวิธีอื่น ๆ
อาการของเนื้องอกไขมัน
อาการของ Lipoma ที่เห็นได้ชัดเจนคือมีก้อนกลมนูนบนผิวหนัง มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางไม่เกิน 2 นิ้ว พบได้บริเวณคอ หลัง ไหล่ ท้อง ต้นขา หรือแขน โดยเนื้องอกดังกล่าวอาจมีลักษณะดังนี้
ทั้งนี้ เนื้องอกไขมันบางชนิด เช่น เนื้องอกไขมันชนิดมีเส้นเลือด (Angiolipoma) ที่เกิดขึ้นบริเวณใต้ผิวหนัง อาจทำให้รู้สึกเจ็บปวดหรือมีอาการกดเจ็บ นอกจากนี้ ตุ่มก้อนที่เกิดขึ้นอาจเป็นมะเร็งเนื้อเยื่อไขมันซึ่งมีลักษณะคล้าย Lipoma ได้ โดยเนื้องอกชนิดนี้จะมีขนาดใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็วและมีอาการเจ็บปวดร่วมด้วย แต่พบได้น้อยมาก ดังนั้น หากพบตุ่มหรือก้อนเนื้อที่มีอาการเจ็บหรือมีขนาดใหญ่ขึ้น จึงควรปรึกษาแพทย์
สาเหตุของเนื้องอกไขมัน
ปัจจุบันทางการแพทย์ไม่ทราบสาเหตุของการเกิด Lipoma ที่แน่ชัด แต่มีแนวโน้มว่าอาจเกิดขึ้นจากการถ่ายทอดทางพันธุกรรมหรือโรคทางพันธุกรรมบางชนิด เช่น
Lipoma อาจเกิดขึ้นได้กับคนในทุกวัย แต่มักพบในกลุ่มคนช่วงอายุ 40-60 ปี และพบในเด็กได้น้อยมาก นอกจากนี้ ผู้ที่เกิดบาดแผลอาจเสี่ยงเกิดเนื้องอกชนิดนี้ตามมาได้
การวินิจฉัยเนื้องอกไขมัน
แพทย์จะวินิจฉัยอาการของ Lipoma จากการตรวจดูและคลำบริเวณที่เกิดตุ่มนูนเพื่อระบุชนิดของเนื้องอก รวมทั้งซักประวัติเกี่ยวกับอาการเจ็บป่วยหรือประวัติการรักษาอื่น ๆ และในบางกรณีอาจสั่งตรวจด้วยวิธีอื่น ๆ เพิ่มเติมเพื่อยืนยันผลการวินิจฉัย ได้แก่
การรักษาเนื้องอกไขมัน
Lipoma เป็นโรคที่ไม่อันตรายและไม่จำเป็นต้องรักษาเสมอไป แต่หากมีอาการเจ็บปวดหรือเนื้องอกมีขนาดใหญ่ขึ้น แพทย์อาจแนะนำให้ผู้ป่วยเข้ารับการรักษาเพื่อกำจัดเนื้องอก โดยวิธีที่อาจนำมาใช้ ได้แก่
ภาวะแทรกซ้อนของเนื้องอกไขมัน
Lipoma มักไม่ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อน แต่ในบางรายเนื้องอกอาจไปกดทับกล้ามเนื้อหรืออวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งจนทำให้มีอาการเจ็บปวด แต่ก็เกิดขึ้นได้น้อย
การป้องกันเนื้องอกไขมัน
Lipoma ไม่สามารถป้องกันได้ เนื่องจากยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด แต่เนื้องอกชนิดนี้มักไม่เป็นอันตราย อย่างไรก็ตาม เพื่อความปลอดภัย ผู้ที่สงสัยว่าตนเองมีเนื้องอกชนิดนี้ควรสังเกตผิวหนังบริเวณดังกล่าวอย่างสม่ำเสมอ หากพบก้อนนูนผิดปกติร่วมกับอาการเจ็บปวด ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจอย่างละเอียด |