ผมร่วง ผมบาง แก้ไขได้ด้วยอาหารบำรุงผม

อาหารผมดก หรือก็คืออาหารบำรุงเส้นผมและอาหารบำรุงรากผมนั่นเอง ซึ่งเป็นสารอาหาร แร่ธาตุ และวิตามินที่ผลต่อการเจริญเติบโตของเส้นผม อาหารเหล่านี้จะบำรุงผมโดยการเข้าไปทำให้รากผมมีวัตถุดิบที่เพียงพอในการสร้างผม และยังเข้าไปช่วยให้กระบวนการสร้างผมที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย ซึ่งอาหารบำรุงผมร่วงจะส่งผลให้เส้นผมแข็งแรงขึ้น เส้นหนาขึ้น เปราะขาดน้อยลง ไม่แตกปลาย เงางาม ทั้งยังเร่งผมยาวเร็วกว่าปกติอีกด้วย
 
 
ในผู้ที่เป็นโรคผมร่วง ผมบางเนื่องจากพันธุกรรม ฮอร์โมน หรือโรคต่างๆ อาหารบำรุงผมอาจไม่ได้ช่วยให้อาการผมร่วงทุเลาลง หรือทำให้ผมกลับมาหนาเหมือนเดิม แต่อาหารเหล่านี้จะช่วยให้รากผม สร้างผมได้ดีขึ้น มีคุณภาพมากขึ้นดังนั้นถ้าทานอาหารบำรุงผมเหล่านี้ไปพร้อมๆกับการรักษาของแพทย์ ก็จะทำให้การรักษาเห็นผลดีขึ้น
 
อาหารบำรุงผมดกดำ มีประโยชน์ดังนี้
  • ทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น เอื้อต่อการสร้างผมมากขึ้น
  • ทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่เพียงพอต่อการสร้างผม
  • อาหารบำรุงผมทำให้ผมเส้นหนาขึ้น และเติบโตได้ดีขึ้น
  • อาหารบำรุงผมทำให้ผมเงางาม, สุขภาพดี, ไม่แตกปลาย, เปราะ หรือขาดร่วงได้ง่าย
  • อาหารบำรุงผมมีส่วนช่วยรักษาเส้นผมให้อยู่กับเรานานขึ้น
  • อาหารบำรุงผมช่วยให้เส้นผมไม่หงอกก่อนวัยอันควร
 
สารอาหารบำรุงผม มีอะไรบ้าง
 
1. โปรตีน (Protein)
 
โปรตีน (Protein) เป็นสารอาหารบำรุงผมที่ช่วยให้ผมแข็งแรงได้มาก เนื่องจากเป็นส่วนประกอบที่สำคัญที่สุดในการสร้างผม โดยส่วนประกอบหลักของผมคือโปรตีนที่จับตัวกันจนมีโครงสร้างที่แข็งแรง เรียกว่าเคราติน หากร่างกายได้รับโปรตีนน้อยเกินไป ร่างกายจะสร้างผมได้ช้าลง โครงสร้างของเคราตินก็จะไม่แข็งแรงเท่าที่ควร ส่งผลให้ผมเปราะขาดง่าย มีอาการผมร่วงเนื่องจากการขาดโปรตีนได้ เราสามารถเสริมโปรตีนได้จากการทานอาหารผมเคราตีน จำพวกเนื้อสัตว์, ไข่, ถั่ว และนม สิ่งที่แนะนำให้ทานคือ เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน, เนื้อไก่ส่วนอก, ปลา, ผลิตภัณฑ์นมไขมันต่ำ, เต้าหู้, ถั่วเหลือง และควินัว
 
2. ไบโอติน (Biotin)
 
ไบโอติน (Biotin) หรือที่รู้จักกันในชื่อวิตามินเอช (Vitamin H) ความจริงแล้วคือวิตามินบี 7 นั่นเอง ไบโอตินนี้เป็นอาหารบำรุงผมที่มีความสำคัญกับเส้นผมอย่างมาก เนื่องจากเส้นผมมีเคราตินเป็นส่วนประกอบหลัก และไบโอตินเป็นสิ่งที่ช่วยให้โครงสร้างของเคราตินแข็งแรง จึงมีส่วนสำคัญทำให้เส้นผมแข็งแรงนั้นเอง
 
หากขาดอาหารบำรุงผมอย่างไบโอตินไป ผมของเราก็จะเส้นเล็กลง เปราะขาดง่าย และอาจจะทำให้สีผมเปลี่ยนไปได้ด้วย ดังนั้นเราจึงควรทานอาหารที่มีไบโอตินเพื่อเสริมวิตามินให้กับร่างกาย อาหารที่มีไบโอตินเช่น ถั่ว, แครอท, วอลนัท และดอกกะหล่ำ แต่ในปัจจุบันยังไม่มีงานวิจัยใดที่ยืนยันได้ว่าการรับประทานไบโอตินเข้าไป จะส่งผลดีกับผมโดยตรง ทางที่ดีคือถ้าหาทานได้จากอาหารปกติ ก็ควรทาน แต่ไม่จำเป็นต้องทานอาหารเสริมที่เป็นไบโอตินโดยเฉพาะเพื่อใช้เป็นอาหารบำรุงผม เนื่องจากอาจเป็นการสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ
 
อีกเรื่องหนึ่งที่มีการโฆษณากันอย่างแพร่หลาย คือกินไบโอตินผมยาวเร็ว ในความเป็นจริงการกินไบโอติน หรืออาหารเสริมไบโอตินไม่ได้มีงานวิจัยที่ยืนยันว่าทำให้ผมยาวเร็วขึ้นจริง แถมการทานไบโอตินยังอาจมีผลข้างเคียงทำให้ท้องเสียหรือผื่นขึ้น แต่ถ้าแพ้หนักอาจจะทำให้เกิดอาการบวมและหายใจลำบากได้
 
ดังนั้นหากต้องการทานไบโอตินแบบอาหารเสริม ไม่ควรซื้อมากินเอง ควรพบแพทย์เพื่อปรึกษาปัญหาผม และความเป็นไปได้ในการทานไบโอตินรักษาปัญหานั้น หากมีอาการผมร่วง แพทย์อาจจะให้ทานยาแก้ผมร่วง ที่สามารถเห็นผลได้จริงมากกว่าการทานไบโอติน
 
 
3. ธาตุเหล็ก (Iron)
 
ธาตุเหล็ก (Iron) เป็นแร่ธาตุชนิดหนึ่ง ที่แม้จะไม่ได้เป็นอาหารบำรุงผมโดยตรง แต่ธาตุเหล็กจะไปช่วยบำรุงเลือด ให้สามารถลำเลียงสารอาหารมาที่ผมได้มากขึ้น
 
ธาตุเหล็กเป็นส่วนประกอบหลักของฮีโมโกรบิน (Hemoglobin) ในเม็ดเลือด ฮีโมโกรบินมีหน้าที่จับกับออกซิเจนจากปอด แล้วนำไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกาย และยังสามารถจับกับคาบอนไดออกไซด์ เพื่อลำเลียงไปให้ปอดขับออกจากร่างกายได้อีกด้วย
 
เมื่อฮีโมโกรบินแข็งแรงจากธาตุเหล็ก ก็จะสามารถลำเลียงออกซิเจนได้ดี เมื่อออกซิเจนถูกลำเลียงไปที่รากผมมากเพียงพอ รากผมก็จะมีออกซิเจนเพียงพอต่อการสร้างผม ทำให้ผมงอกได้ดีอย่างเป็นปกติ และทำให้ผมแข็งแรง ไม่ร่วงง่ายด้วย
 
เราสามารถบริโภคธาตุเหล็กได้จากการทานเนื้อสัตว์ที่เป็นเนื้อแดง, เลือด, ตับ, เครื่องในสัตว์, อาหารทะเล, ไข่ และธัญพืช เป็นต้น
 
4. ซิงค์ (Zinc)
 
ซิงค์ (Zinc) หรือสังกะสี เป็นอาหารบำรุงผมที่เป็นแร่ธาตุสำคัญอย่างหนึ่ง มีผลเกี่ยวกับผมและเล็บเป็นส่วนใหญ่ โดยซิงค์นั้นมีผลทำให้รากผมแข็งแรงและลดอาการผมร่วง ซึ่งซิงค์แก้ผมร่วงได้เนื่องจากมีผลทำให้เคราตินแข็งแรงขึ้น
 
นอกจากนี้ ซิงค์ยังช่วยทำให้ต่อมไขมันที่ผมทำงานได้อย่างเป็นปกติ เมื่อต่อมไขมันสามารถสร้างไขมันออกมาได้ตามปกติ ไขมันเหล่านั้นจะไปเคลือบเส้นผมไว้ ทำให้เส้นผมเงางาม, หวีง่าย, ไม่พันกัน และผมไม่เปราะขาด แตกปลายง่าย ทั้งยังสามารถควบคุมความเป็นกรดด่างของหนังศีรษะได้ รวมถึงไม่ทำให้เกิดรังแคอีกด้วย
 
เราสามารถพบซิงค์ได้จากอาหารจำพวกอาหารทะเล, หอยนางรม, ปู, กุ้งมังกร, หอยแมลงภู่, เมล็ดทานตะวัน, ถั่วลิสง, เนื้อวัว, เนื้อแกะ, เนื้อหมู และธัญพืช
 
5. กรดไขมันโอเมกา-3 (Omega-3 Fatty Acids)
 
กรดไขมันโอเมกา – 3 (Omega – 3 Fatty Acids) เป็นอาหารบำรุงผมที่ได้จากการบริโภคเข้าไปในร่างกายเท่านั้น เนื่องจากร่างกายไม่สามารถสร้างเองได้
 
กรดไขมันตัวนี้สามารถพบได้ในไขมันที่อยู่บนหนังศีรษะ เนื่องจากเป็นส่วนประกอบที่สำคัญอย่างหนึ่งในไขมันที่สร้างขึ้นจากต่อมไขมันบนหนังศีรษะ กรดไขมันโอเมกา – 3 นี้เองที่ทำให้หนังศีรษะของเราชุ่มชื้น เป็นอาหารบำรุงผมให้มีน้ำหนัก ผมเป็นเงางาม
 
กรดไขมันโอเมกา – 3 สามารถพบได้มากในอาหารจำพวกปลาไขมันสูง เช่น ปลาแซลม่อนหรือปลาแมคเคอเรล แต่หากไม่สามารถทานปลาได้ ก็จะสามารถได้กรดไขมันตัวนี้จากเมล็ดแฟลกซ์, วอลนัท, ถั่วเหลือง และน้ำมันคาโนล่า
 
6. วิตามินเอ (Vitamin A)
 
วิตามินเอ (Vitamin A) เป็นวิตามินบำรุงผมที่มีส่วนช่วยให้ผมแข็งแรง และกระตุ้นการเติบโตของผม ทั้งยังเป็น Antioxidant ด้วย Antioxidant หรือสารต้านอนุมูลอิสระ จะช่วยผมเกี่ยวกับการสร้างโปรตีนเคราติน เนื่องจากอนุมูลอิสระมักส่งผลกับการการสร้างโปรตีนของ DNA มีผลเสียกับเซลล์สร้างใหม่ อนุมูลอิสระในรากผมส่งผลเสียกับการสร้างเคราติน หากมีวิตามินเอที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ DNA ของเราก็จะสามารถทำงานได้ปกติ ทำให้เคราตินของเส้นผมถูกสร้างอย่างปกตินั่นเองเราสามารถพบวิตามินเอได้มากในผักสีส้ม, สีเหลือง, สีเขียวเข้ม, น้ำมันตับปลา และเครื่องในสัตว์
 
 
7. วิตามินบีรวม (B Vitamins)
 
วิตามินบีรวม (B Vitamins) อื่น ๆ นอกจากไบโอตินก็เป็นอาหารบำรุงผมเหมือนกัน แต่จะช่วยในทางอ้อม เนื่องจากวิตามินบี 6, วิตามินบี 12 และโฟเลต หรือวิตามินบี 9 ก็มีส่วนช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดง ที่จะเป็นตัวลำเลียงออกซิเจน และสารอาหารต่างๆมายังรากผม หากไม่ได้รับวิตามินบีที่เพียงพอ จะทำให้เซลล์ขาดสารอาหารบำรุงผม จนส่งผลให้ผมร่วงได้ง่าย, งอกช้า, เปราะ และแตกหักง่าย โดยเราสามารถเสริมวิตามินบีได้จากเนื้อหมู, เนื้อไก่, ถั่ว และผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ จากนม
 
8. วิตามินซี (Vitamin C)
 
วิตามินซี (Vitamin C) เป็นอาหารบำรุงผมที่สำคัญมากอย่างหนึ่งของร่างกาย ในเรื่องเกี่ยวกับเส้นผม วิตามินซีจะช่วยให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กได้ดีขึ้น เมื่อดูดซึมธาตุเหล็กได้ดี เม็ดเลือดก็จะแข็งแรงมากขึ้น ลำเลียงสารอาหารไปยังรากผมได้ดีขึ้น นอกจากนี้วิตามินซียังเป็นส่วนประกอบของการสร้างเนื้อเยื่อบริเวณรากผมด้วย หากขาดวิตามินซีไป ร่างกายจะทรุดโทรม และส่งผลต่อผมอย่างมากทีเดียว เราสามารถเสริมสร้างวิตามินซีให้กับร่างกายได้โดยการทานผักผลไม้เพื่อใช้เป็นอาหารบำรุงผม เช่น ฝรั่ง, ส้ม, สตรอเบอร์รี่, พริกหวาน, บลอกโคลี หรือผักคะน้า เป็นต้น
 
ที่มา : absolutehairclinic.com

บทความอื่นๆ

สินค้าใหม่