ขายของแบบดรอปชิป (Dropship) คืออะไร ทำอย่างไร ให้ขายดี

Dropship (ดรอปชิป) คืออะไร
 
Dropship (ดรอปชิป) คือ การขายสินค้าแบบที่ร้านค้าไม่ต้องมีสินค้าที่จะขายเป็นของตัวเอง หรือที่เราเข้าใจกันในรูปแบบของ “ตัวแทนจำหน่าย” การขายของแบบดรอปชิปจะเป็นการนำสินค้าของคนอื่นมาขาย โดยที่พ่อค้า-แม่ค้าออนไลน์ไม่ต้องสต๊อกสินค้า หรือส่งของเอง เพียงแค่นำข้อมูลสินค้ามาโพสต์ขายลงแพลตฟอร์มโซเชียลต่าง ๆ เช่น Facebook, LINE OA, IG หรือ Twitter และบวกกำไรเพิ่ม หากเราขายสินค้าได้ เราค่อยไปสั่งสินค้าจากคนขายหรือโรงงานให้เขาส่งสินค้าให้ลูกค้าของเราอีกทีค่ะ
 
 
 
ข้อดีของการขายของออนไลน์แบบ Dropship (ดรอปชิป) 
 
  • ใช้ต้นทุนน้อย
เพราะขายของแบบดรอปชิป แม่ค้าออนไลน์สามารถทำได้โดยไม่ต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมาก ๆ ไม่ต้องมีสินค้าอยู่ที่ตัวเองเลยสักชิ้นก็ได้ แค่มีช่องทางโปรโมทสินค้าเท่านั้น จนกว่าจะมีลูกค้าเข้ามาสั่งสินค้าและชำระเงิน 
 
  • เริ่มต้นง่าย ลดขั้นตอนซับซ้อน
การขายแบบดรอปชิป จะตัดปัญหาเรื่องการหาโกดังสินค้า สต๊อกสินค้า แพ็คของ และการจัดส่งออกไป ตรงนี้จึงเป็นข้อดีของ Dropship สิ่งที่แม่ค้าออนไลน์ต้องมีก็แค่แล็ปทอป 1 เครื่อง ระบบจัดการร้านค้าออนไลน์ก็สามารถเริ่มต้นได้แล้ว
 
  • สินค้ามีความหลากหลาย เลือกขายได้
พ่อค้า - แม่ค้าออนไลน์สามารถขายอะไรก็ได้ ยิ่งสินค้าประเภทไหนที่กำลังฮิต กำลังเป็นที่นิยมก็สามารถนำมาโพสต์ขายได้ เพราะไม่สต๊อกสินค้าเอง ส่วนสินค้าชิ้นไหนที่ขายไม่ดี เทรนด์เริ่มตก ก็สามารถเลิกขายได้เลย 
 
  • ทำงานง่าย ขายที่ไหนก็ได้
ขายของออนไลน์แบบดรอปชิป เราสามารถทำงาน ขายของออนไลน์ที่ไหนก็ได้ ขอแค่มีเพียงสมาร์ทโฟนหรือแทปเล็ต และอินเทอร์เน็ตเท่านั้นค่ะ เพราะตราบใดที่เรายังสามารถติดต่อพูดคุยกับลูกค้าและเจ้าของสินค้าได้อยู่ ก็สามารถขายของดรอปชิปได้แล้ว
 
ข้อจำกัดของการขายแบบ Dropship (ดรอปชิป)
 
  • การแข่งขันค่อนข้างสูง
เพราะว่าใคร ๆ ก็สามารถเริ่มต้นขายของแบบดรอปชิปได้ง่าย ๆ การแข่งขันจึงค่อนข้างสูงตามไปด้วย โดยเฉพาะในเรื่องของราคา เพราะถ้าตั้งราคาสูงเกินไป ลูกค้าก็จะไปหาซื้อจากร้านที่ให้ราคาที่ถูกกว่าค่ะ
 
  • กำไรน้อย
ต่อเนื่องจากข้อที่แล้ว เพราะว่าขายแบบดรอปชิปมีการแข่งขันค่อนข้างสูง ใคร ๆ ก็ทำมาทำ Dropship ได้ จึงทำให้พ่อแม่ค้าแข่งกันกดราคาเพื่อดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาช้อปที่ร้านของตัวเอง ซึ่งแน่นอนว่าลูกค้าก็จะชอบเลือกซื้อสินค้าจากที่ให้ข้อเสนอที่ดี และรู้สึกคุ้มค่ากว่าอยู่แล้ว
 
  • ไม่รู้จำนวนสต๊อกที่แท้จริง
ถ้าเป็นการขายสินค้าออนไลน์แบบปกติทั่วไป แม่ค้าออนไลน์จะจัดการสต๊อกสินค้าเอง จะรู้ว่าสินค้ามีอะไรบ้าง เหลือสินค้าในสต๊อกเท่าไหร่ แต่ถ้าเป็นขายของดรอปชิป แม่ค้าออนไลน์จะไม่สามารถรู้ได้ทันทีว่าสินค้าอยู่ในสต๊อกเท่าไหร่ ทำให้ร้านค้าที่ขายแบบดรอปชิป จะต้องคอยอัปเดตสินค้ากับทางเจ้าของสินค้า (Suppliers) และหน้าร้านออนไลน์ของเราอยู่ตลอดเวลา
 
  • การจัดส่งที่ยุ่งยาก
ร้านค้าออนไลน์ที่ขายแบบดรอปชิป ส่วนมากจะรับสินค้ามาจากหลายแหล่งค่ะ ปัญหาที่ต้องเจอคือ วิธีคิดค่าจัดส่งให้กับลูกค้า สมมติว่าลูกค้า 1 คน สั่งเสื้อ 2 ตัว จากร้านของเรา แต่เสื้อทั้ง 2 ตัวมาจากคนละที่ การคิดค่าส่งจึงมีความยุ่งยากขึ้นค่ะ ร้านค้าส่วนมากจึงแก้ปัญหาด้วยการตั้งราคาสินค้าที่รวมค่าจัดส่ง หรือ คิดค่าส่งสินค้าเป็นราคาเดียวมาตรฐานไปเลย ซึ่งเป็นราคาที่ครอบคลุมสินค้าทุกขนาดและน้ำหนักค่ะ
 
 
  • ปัญหาจากฝั่งต้นทางของสินค้าหรือ Supplier
ปัญหาที่เกิดขึ้นจากฝั่งต้นทางสินค้า เป็นสิ่งที่ร้านค้าแบบดรอปชิปไม่สามารถควบคุมได้ สิ่งที่ทำได้คือร้านค้าต้องน้อมรับคำตำหนิจากลูกค้าไปเต็ม ๆ รวมถึงจะต้องรับผิดชอบลูกค้าสำหรับปัญหาการสั่งซื้อและจัดส่งที่อาจเกิดขึ้นได้ 
 
เคล็ดลับขายของออนไลน์แบบดรอปชิป (Dropship) ทำอย่างไร ให้ขายดี
 
  • ศึกษาตลาดสินค้าที่จะขาย
สิ่งแรกต้องทำก่อนจะเริ่มตัดสินใจขายของแบบดรอปชิป เราต้องเรียนรู้การแข่งขันของสินค้าชิ้นนั้น ๆ ก่อนค่ะ เช่น ขายที่ไหน ส่วนใหญ่ขายบนแพล็ตฟอร์มโซเชียลอะไรบ้าง ราคาเมื่อเทียบกับคู่แข่ง จนไปถึงคอมเมนต์หรือรีวิวจากผู้ซื้อ โอกาสในการขายได้มีมากน้อยแค่ไหน คุ้มหรือเปล่า? เพราะถ้าเราเลือกสินค้ามาขายไม่ดี ต่อให้เราทำการตลาดดีแค่ไหนยังไงก็ขายได้ยากค่ะ
  • ศึกษาจากคู่แข่ง
อันนี้ถือว่าเป็นเคล็ดลับขั้นพื้นฐานของการทำธุรกิจแบบทุกรูปแบบค่ะ ขายของแบบดรอปชิปก็เช่นกัน เพราะสิ่งที่ทำให้สินค้าหรือผลิตภภัฑ์ที่ความโดดเด่น และน่าสนใจ คือการพรีเซนต์สินค้า ดังนั้น ถ้าเราขายสินค้าที่มีคู่แข่งขายเหมือนกับกับเรา แม่ค้าออนไลน์มีความจำเป็นต้องศึกษาวิธีการขายรวมถึงการตลาดจากคู่แข่งเพื่อนำมาปรับใช้ให้เหนือกว่าค่ะ
 
  • เช็คให้ชัวร์ว่าแบรนด์หรือเจ้าของสินค้าสามารถผลิตสินค้าได้เพียงพอแค่ไหน
ถือว่าเป็นการประเมินสถานการณ์ให้ดีที่สุดไว้ก่อนนะคะ ว่าแบรนด์ที่เราจะทำดรอปชิปด้วย เขามีการบริหารจัดการที่ดี มีสต๊อกสินค้าเพียงพอต่อความต้องการที่จะขายหรือเปล่า 
 
ยกตัวอย่างเช่น สมมติเราโปรโมทสินค้า และลงโฆษณาบน Facebook เสียค่ายิงแอดหลักร้อย ซึ่งช่วงแรกขายดี ส่งของทัน จึงขยับค่าโฆษณาขึ้น สุดท้ายเจ้าของสินค้าที่เราติดต่อทำ Dropship ด้วยมาบอกว่าผลิตสินค้าให้ไม่ทัน สินค้าไม่พอ เพราะต้องส่งสินค้าให้ร้านค้าที่ทำ Dropship รายอื่นด้วย ตรงนี้อาจทำให้เราขาดทุนในเรื่องของการทำโฆษณา เสียโอกาสทางการขาย และเสียลูกค้าไปเลย
 
  • ลองแอบทดสอบกับสินค้าชิ้นหรือแบรนด์นั้นก่อนขายจริง
ถ้าแม่ค้าออนไลน์ตัดสินใจที่จะขายแบบ Dropship แล้วจริง ๆ พิมเพลินขอแนะนำให้ลองสั่งสินค้ากับแบรนด์หรือเจ้าของสินค้ามาดูก่อนค่ะ เป็นชิ้นที่ถูกที่สุดก็ได้ เพื่อเป็นการทดสอบความถูกต้อง สภาพสินค้า ระยะเวลาการจัดส่ง จากนั้นจดบันทึกความคิดเห็นหรือปัญหาที่เจอ เพื่อเก็บไว้ช่วยติดตามสินค้าให้กับลูกค้าในอนาคตค่ะ วิธีนี้จะช่วยให้ลูกค้าเห็นถึงความใส่ใจในการให้บริการค่ะ
 
  • ตั้งราคาสินค้าตามมาตรฐาน
การตั้งราคาสินค้าที่สูงจนเกินไป อาจจะไม่เหมาะกับการขายแบบดรอปชิปนะคะ เพราะเราไม่มีสินค้าจริงให้ลูกค้าได้ดู และมีโอกาสสูงที่ลูกค้าจะไปซื้อสินค้าจากร้านอื่นได้ง่าย ๆ แต่ถ้าตั้งราคาที่ต่ำเกินไป แม่ค้าออนไลน์เองก็ได้กำไรนิดเดียวจนทำให้รู้สึกว่าไม่คุ้มที่ขายค่ะ ฉะนั้น แนะว่าควรตั้งราคาตามมาตรฐานของท้องตลาดจะดีที่สุดค่ะ

บทความอื่นๆ

สินค้าใหม่