วัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตน้ำอัดลม คือ
1. น้ำ น้ำที่ใช้ในการผลิตน้ำอัดลมจะต้องเป็นน้ำสะอาดตามคุณภาพหรือมาตรฐานของน้ำดื่มตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งจะต้องนำมาผ่านกระบวนการตกตะกอนด้วยสารเคมี กรองผ่านทราย ลดความกระด้าง เติมคลอรีนเพื่อฆ่าเชื้อโรค และกรองด้วยถ่านกัมมันต์ (activated carbon)
2. น้ำตาล น้ำตาลที่ใช้เป็นน้ำตาลซูโครสซึ่งใช้ได้ทั้งในรูปเกล็ดและของเหลว แต่ควรมีน้ำตาลอินเวิร์ตร้อยละ 0.0015 ปริมาณร้อยละ 0.017 pH เป็นกลาง เมื่อละลายน้ำแล้วได้สารละลายใส ไม่มีสี
3. มีปริมาณจุลินทรีย์น้อยกว่า 400 โคโลนี ต่อ 10 มิลลิลิตรของน้ำตาล หลังจากเพาะเชื้อ 3 วันที่อุณหภูมิ 37 องศาเซลเซียส
4. หัวน้ำเชื้อ (concentrate) หมายถึง สารให้กลิ่นรส สี กรด และวัตถุกันเสียที่มีการเตรียมให้อยู่ในลักษณะของหัวน้ำเชื้อ โดยบริษัทแม่ที่เป็นเจ้าของเครื่องหมายในผลิตภัณฑ์ ซึ่งบรรจุมาใช้ในภาชนะที่กันความชื้นอย่างดีและเก็บในห้องเย็นที่อุณหภูมิประมาณ 4-10 องศาเซลเซียส บางชนิดอยู่ในสภาพเหลว แต่บางชนิดจะแบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกอยู่ในรูปผลึกและผง ส่วนมากเป็นพวกกรดซิตริก สี และวัตถุกันเสีย ส่วนที่สองอยู่ในรูปของเหลวเป็นสารที่ให้กลิ่นรส
5. แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ที่ใช้จะอยู่ในรูปของเหลวซึ่งจะต้องไม่มีแก๊สชนิดอื่นปนอยู่ มีลักษณะและคุณภาพตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม คาร์บอนไดออกไซด์สำหรับเครื่องดื่มดังนี้คือ มีความบริสุทธิ์ไม่น้อยกว่าร้อยละ 99.5 โดยมีปริมาณคาร์บอนมอนอกไซด์ไม่เกิน 10 ส่วนในล้านส่วน ปริมาณไนตริกออกไซด์และไนโตรเจนไดออกไซด์ ไม่เกิน 8.6 ส่วนในล้านส่วน และจะต้องมีการตรวจสอบความเป็นกรด ไฮโดรเจนซัลไฟด์ ฟอสฟีน (phosphine) และสารอินทรีย์ทีเป็นสารรีดิวซ์ (organic reducing substance)
กรรมวิธีการผลิตน้ำอัดลม กรรมวิธีการผลิตน้ำอัดลมในโรงงานอุตสาหกรรม มีขั้นตอนดังนี้
1. การเตรียมน้ำบริสุทธิ์ เป็นขั้นตอนการเตรียมน้ำที่ใช้ในการผสมน้ำตาลและหัวน้ำเชื้อให้ได้น้ำอัดลมที่มีคุณภาพดี มีกลิ่นรสสม่ำเสมอ จำเป็นต้องใช้น้ำที่บริสุทธิ์กว่าน้ำดื่มปกติ โดยนำน้ำที่มีคุณภาพมาตรฐานตามน้ำดื่มมาปรับปรุงให้มีลักษณะปรากฏ รสชาติ และกลิ่นรสที่ดีขึ้น และกำจัดเกลือแร่บางชนิด ซึ่งอาจทำได้หลายวิธีขึ้นกับคุณภาพของแหล่งน้ำที่นำมาใช้ในการผลิต วิธีที่ง่ายที่สุดคือ การกำจัดสารแขวนลอยโดยผ่านการกรองด้วยทราย กำจัดกลิ่นรสที่แปลกปลอมหรือไม่ต้องการ โดยเฉพาะกลิ่นคลอรีน ด้วยการกรองผ่านผงถ่านกัมมันต์
2. การเตรียมน้ำเชื่อม เป็นการนำน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์มาผสมกับน้ำพร้อมกับเติมผงถ่านเพื่อฟอกสีน้ำตาลให้ขาว กรองให้ได้น้ำเชื่อมใสแล้วผ่านน้ำเชื่อมมายังถังที่ทำความเย็น เพื่อลดอุณหภูมิน้ำเชื่อมลงให้เหลือ 24 องศาเซลเซียส เพื่อให้กลิ่นหัวน้ำเชื้อคงอยู่ ถ้าอุณหภูมิสูงกลิ่นจะระเหยไป จากนั้นนำน้ำเชื่อมไปผ่านการฆ่าเชื้อด้วยแสงอัลตราไวโอเลตก่อนที่จะนำไปผสมกับหัวน้ำเชื้อในขั้นตอนต่อไป การผสมน้ำเชื่อมกับหัวน้ำเชื้อ เป็นขั้นตอนการนำน้ำเชื่อมที่เตรียมได้มาผสมกับหัวน้ำเชื้อซึ่งหากเป็นหัวน้ำเชื้อที่ประกอบด้วย 2 ส่วน คือ ในรูปของเหลวและรูปของผลึกหรือผง จะต้องนำทั้งสองส่วนมาผสมเข้าด้วยกันเสียก่อน แล้วจึงนำมาผสมกับน้ำเชื่อม กวนด้วยใบพัดให้เป็นเนื้อเดียวกัน จะได้น้ำเชื่อมสำเร็จรูป (finished syrup) ซึ่งจะมีความเข้มข้นและความหวานสูง จึงต้องนำไปเจือจางให้มีความหวานตามที่ต้องการสำหรับน้ำอัดลมแต่ละชนิด ซึ่งจะอยู่ในช่วงประมาณร้อยละ 9.5-14.0
3. การผสม (mixing) ส่วนผสมต่างๆ เช่น น้ำเชื่อม สารแต่งกลิ่นรส (flavoring agent) สี (coloring agent) กรดซิตริกให้เป็นเนื้อเดียวกัน ตรวจวัดความเข้มข้นของส่วนผสม ด้วยการวัด ค่า brix และ pH
4. การอัดแก๊ส การอัดแก๊สลงในน้ำอัดลมเป็นขั้นตอนสำคัญมากที่สุด เพราะจะทำให้เกิดรสซ่าของเครื่องดื่ม การอัดแก๊สจะเป็นการละลายแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ลงในน้ำเชื่อมที่ผสมกับหัวน้ำเชื้อและทำให้เจือจางแล้ว ซึ่งการละลายจะเกิดได้ดีที่อุณหภูมิต่ำ ความดันสูง การอัดแก๊สในโรงงานอุตสาหกรรมนิยมใช้ในรูปของคาร์บอนไดออกไซด์เหลว ซึ่งเมื่อได้รับความร้อนจะเปลี่ยนสถานะมาอยู่ในรูปแก๊ส เมื่อเปิดแก๊สออก แก๊สจะผ่านคาร์โบเนเตอร์ (carbonator) ที่สามารถควบคุมปริมาณแก๊สที่จะเติมลงในเครื่องมือได้ การอัดแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ในเครื่องดื่มจะอัดในปริมาตร 1-5 ขึ้นกับชนิดของเครื่องดื่ม
5. การบรรจุ น้ำอัดลมที่ได้ผ่านการอัดแก๊สแล้วจะผ่านเข้าเครื่องบรรจุที่มีขวดหรือกระป๋องมารองรับและปิดฝา นำไปบรรจุลัง เรียงเป็นกะบะ แล้วเก็บไว้ในโรงเก็บ
6. สำหรับขวดที่ใช้ในการบรรจุเครื่องดื่มนั้นจะเป็นขวดที่มีการหมุนเวียนเก็บจากตลาดมาใช้ ดังนั้นจึงต้องผ่านการทำความสะอาดและฆ่าเชื้อก่อนที่จะนำมาใช้บรรจุเครื่องดื่มอีก การทำความสะอาดขวดจะใช้เครื่องล้างขวดซึ่งอาจแช่ขวดในสารละลายของโซดาไฟ หรือใช้หัวฉีดสารละลายโซดาไฟกับน้ำร้อยละ 3-4 ที่อุณหภูมิ 60-70 องศาเซลเซียส ลงในขวด แล้วฉีดด้วยน้ำทั้งด้านในและด้านนอกขวดให้สะอาดจนหมดสารละลายโซดาไฟซึ่งจะต้องตรวจสอบก่อนที่จะนำขวดไปใช้
มาตรฐานของน้ำอัดลม น้ำอัดลมแต่ละชนิดจะมีปริมาณน้ำตาล ปริมาณแก๊สและ pH ที่กำหนดเป็นมาตรฐานแตกต่างกัน มาตรฐานของเครื่องดื่มน้ำอัดลมแต่ละชนิด
ชนิดของเครื่องดื่มน้ำอัดลม ร้อยละของน้ำตาลปริมาตรก๊าซ pH โคลา10.2-11.0 3.4-3.9 2.4-2.6 รูทเบียร์ 9.5-12.0 3.0-4.0 2.8-4.0 องุ่น12.0-14.0 1.5-2.5 2.8-3.1 ส้ม12.0-13.5 1.5-2.0 2.8-3.2 มะนาว10.0-13.0 2.4-3.9 2.5-2.7 สตรอเบอร์รี่12.0-13.02.0-2.5 3.0-3.5ที่มา : Woodroot, 1981
การจัดจำหน่าย น้ำอัดลมที่มีการผลิตและจำหน่ายในตลาด ส่วนใหญ่จะเป็นประเภทโคลา รูทเบียร์ น้ำอัดลมที่มีกลิ่นรสผลไม้ (fruit flavored drink) ต่างๆ เช่น รสส้ม องุ่น สตรอเบอร์รี่ มะนาว ซึ่งมีทั้งบรรจุขวดแก้วปิดฝาจีบ ซึ่งจะสามารถนำกลับมาใช้ได้อีก ปริมาตรที่บรรจุมีตั้งแต่ 225 มิลลิลิตร 325 มิลลิลิตร 750 มิลลิลิตร 1 ลิตร 1.25 ลิตร และ 2 ลิตร |