รู้จักผักไม่ควรกินดิบ เสี่ยงอันตรายถึงชีวิต

ผักและผลไม้ส่วนใหญ่ ล้วนแล้วแต่มีประโยชน์ต่อร่างกาย แต่ถ้าหากคุณรับประทานแบบผิด ๆ หรือไม่คิดก่อนที่จะรับประทาน โดยเฉพาะการรับประทานแบบดิบ ๆ ในปริมาณมาก คุณอาจจะได้รับโทษแทนที่จะได้รับประโยชน์จากผักเหล่านี้ก็เป็นได้ อย่างเช่นผัก 6 ชนิดเหล่านี้ ที่หากกินดิบ ๆ ซึ่งจะก่อให้เกิดโทษ และทำให้เกิดอันตรายแก่ชีวิตแบบที่คุณอาจจะไม่รู้ตัว

6 ผักไม่ควรกินดิบ ที่มาของรูปภาพ https://inwfile.com/s-ds/ruzku5.jpg

ที่มา :https://inwfile.com/s-ds/ruzku5.jpg

1. หน่อไม้

ในหน่อไม้สดจะมีสารไซยาไนด์ ซึ่งจะเป็นพิษต่อร่างกาย เมื่อร่างกายได้รับสารนี้ในปริมาณมาก สารนี้จะเข้าไปจับกับฮีโมโกลบิน ส่งผลทำให้เกิดอาการขาดออกซิเจน จนทำให้หมดสติ และอาจจะเสียชีวิตได้ในที่สุด เพราะฉะนั้น ถ้าหากใครอยากจะรับประทานหน่อไม้ ควรปรุงสุกด้วยความร้อนเสียก่อน ถึงจะปลอดภัย

2.มันสำปะหลัง

ทางสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ได้ประกาศแจ้งเตือนว่า หากมีการรับประทานมันสำปะหลังดิบ โดยเฉพาะในส่วนหัว รากและใบ อาจจะมีพิษส่งผลทำให้ถึงตายได้ ซึ่งพิษในมันสำปะหลังจะเข้าไปขัดขวางการทำงานของระบบหัวใจ ในรายที่ได้รับพิษน้อยที่สุด จะเกิดอาการวิงเวียนศีรษะ มีอาการปวดหัว ปวดท้อง คลื่นไส้ และอุจจาระร่วง

3.ผักโขม

เป็นผักที่มีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างมาก แต่ถ้าหากนำมารับประทานแบบดิบ ๆ จะส่งผลทำให้เกิดโทษต่อร่างกายอย่างมากเช่นกัน เพราะภายในผักโขมดิบ ๆ จะมีกรดออกซาลิก ซึ่งจะส่งผลทำให้ลำไส้ของเราระคายเคือง และยังเป็นตัวขัดขวาง ที่จะทำให้ไม่ร่างกายของเรานั้น ได้ดูดซึมธาตุเหล็กและแคลเซียม ซึ่งในภายหลังจะส่งผลทำให้เราเป็นโรคนิ่ว แต่ถ้าหากเรานำผักโขมไปปรุงสุกเสียก่อน โทษต่าง ๆ เหล่านี้จะหายไปในทันที 

4.ถั่วงอก

ถือได้ว่าเป็นผักยอดนิยม ที่ถูกนำมารับประทานสด ๆ อย่างเป็นประจำ ซึ่งเสี่ยงต่อการได้รับโทษจากสารโซเดียมซัลไฟต์ หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า สารฟอกขาว ซึ่งถ้าหากผู้รับประทานถั่วงอกดิบ ๆ ในปริมาณมาก เป็นผู้ที่แพ้สารชนิดนี้ด้วยแล้ว ย่อมทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ มีลักษณะหายใจขัด ความดันโลหิตต่ำ และมีอาการปวดท้องร่วมด้วย ซึ่งสารฟอกขาวนี้จะสลายและถูกทำลายได้ เมื่อมีการนำไปปรุงสุกแล้วเท่านั้น

5.ถั่วฝักยาว

การรับประทานถั่วฝักยาวแบบดิบ ๆ ในปริมาณมาก ค้นพบว่า ถั่วฝักยาว จะมีปริมาณไกลโคโปรตีน พร้อมทั้งเลคตินสูง สารชนิดนี้จะทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน และเกิดอาการท้องเสียได้ในระยะเวลา 3 ชั่วโมงได้นั่นเอง

6.กะหล่ำปลี

ถึงแม้ว่าผักอย่าง กะหล่ำปลี จะเป็นผักที่มีวิตามินซีสูงก็ตาม แต่เราจะได้รับวิตามินซีจากกะหล่ำปลีอย่างแท้จริง ก็ต่อเมื่อเรานำกะหล่ำปลีมาปรุงสุกแล้วค่อยรับประทาน เนื่องจากในกะหล่ำปลียังคงมี สารออกซาเลต ซึ่งเราจะได้รับสารนี้เข้าสู่ร่างกาย เมื่อมีการรับประทานกะหล่ำปลีดิบ ๆ ในปริมาณมาก ซึ่งถ้าหากมีสารออกซาเลตเข้าไปที่กรวยไตมาก ๆ อาจจะทำให้เกิดโรคนิ่วขึ้นได้ และนอกจากนี้กะหล่ำปลีดิบ ยังคงมีสารกอยโตรเจน ซึ่งเป็นสารที่คอยยับยั้งการสร้างฮอร์โมนของต่อมโทรอยด์ในร่างกายของเรา ซึ่งจะส่งผลทำให้ร่างกายของเรานั้น ดึงไอโอดีนจากเลือด เพื่อนำไปใช้ได้น้อยกว่าปกติ จนทำให้เกิดโรคคอหวยพอกขึ้นได้ แต่สำหรับสารนี้สามารถสลายตัวได้อย่างรวดเร็วเมื่อโดนความร้อน เพราะฉะนั้น การบริโภคกะหล่ำปลีแบบสุก ๆ ถือได้ว่าปลอดภัยอย่างมากที่สุด

บทความอื่นๆ

สินค้าใหม่