1. เราคือคนที่กำหนดชะตาชีวิตของตัวเอง
ไม่เคยรอให้โชคเข้าข้างและใช้วิธีลงมือทำอย่างสม่ำเสมอ เรียนรู้ผิดถูกต่อเนื่อง ไม่หวังรวยทางลัด และไม่คิดโทษบุคคลรอบข้างว่าเป็นต้นเหตุแห่งความขาดแคลน
2. กำหนดเป้าหมายชัดเจน
มองการณ์ไกล มีความฝันและกล้าจินตนาการ ตัดสินใจเลือกที่จะลงมือกระทำเพราะเชื่อมั่นในในความหวังหรือความเป็นไปได้ตรงนั้น และพัฒนาศักยภาพอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ได้ผลลัพธือย่างที่กำหนดไว้
3. ต้องประสบความสำเร็จ
ไม่ว่าจะต้องลงทุนลงแรงขนาดไหนก็ต้องทำให้ได้อย่างที่คิดที่พูด ไม่สนใจต้นทุนชีวิต เลือกเดินเรือออกกำหนดเส้นทางชีวิตด้วยตัวเอง พร้อมที่จะฝ่าฟันอุปสรรคทุกรูปแบบเพื่อให้ได้เพียงผลลัพธ์ที่มั่นหมายไว้
4. คิดใหญ่ ไม่คิดเล็ก
ทุกอย่างสามารถเป็นไปได้ทั้งนั้นขอแค่เราเห็นโอกาสและได้ลองลงมือทำ ไม่ว่าสิ่งนั้นยากเพียงใดก็ตามแต่ก็ยังคงคิดหาวิธีพัฒนาความสามารถในการช่วยเหลือคนอื่นผ่านสินค้าและบริการ
5. มองหาโอกาสต่างๆ และไม่เสียเวลาไปกับปัญหาที่แก้ไขไม่ได้
ในทุกวิกฤติมีโอกาส หากเราไม่ใช่เวลาไปกับการตีโพยตีพายหรือหมดหวังให้กับปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น เราต้องนิ่งสงบ เผชิญหน้ากับปัญหาอย่างมีสติ คิดพิจารณาอย่างรอบคอบแล้วลงมือกระทำ และไม่ปล่อยเวลาให้ผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์ เพราะเวลาไม่สามารถหาซื้อใหม่ได้
6. ชื่นชมคนที่ประสบความสำเร็จเพื่อนำแนวความคิดมาปรับใช้ในชีวิตของตนเอง
สนใจและชอบที่จะศึกษาว่า คนที่เขาประสบความสำเร็จนั้นมีแนวคิดอย่างไรและทำอย่างไรถึงได้ร่ำรวยขนาดนั้นและนำมาเป็นไอดอลหรือเป็นแนวคิดในแก่ตัวเอง มากกว่าการรู้สึกคิดอิจฉาริษยาในความสำเร็จของผู้อื่น
7. คบคนที่มองโลกในแง่ดี
ชอบที่จะคบหาสมาคมกับคนที่มองโลกในแง่ดี เพราะเขาเหล่านั้นจะมีแนวความคิด คำพูด และการกระทำที่เต็มไปด้วยความหวัง คนที่มองโลกในแง่ดีจะมองสามารถเห็นโอกาสในวิกฤตเสมอ และมักจะมองปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องธรรมดา ส่วนคนที่มองโลกในแง่ร้ายจะชอบทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่และมองปัญหาว่า เป็นสิ่งที่จะนำมาซึ่งความหายนะ ยิ่งคิดก็ยิ่งเครียด เกิดเป็นความท้อถอย ความอึดอัด จนต้องระบายความรู้สึกดังกล่าวออกมาในรูปของการกระทำต่างๆ เช่น ความก้าวร้าว คำบ่น คำด่า คำนินทาอิจฉาริษยา หรือคอยจับผิดผู้อื่น เป็นต้น การมองโลกในแง่ร้ายมากเท่าไร ยิ่งทำให้คิดอะไรไม่ออก ชีวิตก็ย่อมจะตกอยู่ในวังวนของความยากจนข้นแค้นมากขึ้นเรื่อยๆ ควรหลีกเลี่ยงเพื่อไม่ให้เป็นการเพาะเชื้อแห่งการมองโลกในแง่ร้ายเข้าไปในจิตใจของเรา
8. พร้อมที่จะนำเสนอสินค้าและบริการของตัวเอง
พร้อมที่จะนำเสนอสินค้าของตนเองให้ผู้อื่นได้รับรู้ หรือยินดีที่จะขายนั่นแหละครับ เพราะพวกเขาสินค้าหรือบริการที่ดีก็ควรจะบอกต่อ แนะนำให้คนอื่นได้รู้ เป็นการช่วยเหลือคนอื่นอย่างที่เรามุ่งหวัง ไม่มีความจำเป็นต้องอาย หากเรารู้สึกอึดอัดหรืออายการขาย นั่นแปลว่าตัวเราเองก็ยังไม่ได้ชอบหรือมองเห็นคุณค่าของสินค้าหรือบริการนั้นๆ และทั้งนี้การขายยังเป็นการเก็บข้อมูลเพื่อพัฒนาสินค้าและบริการให้ดียิ่งขึ้นต่อไปได้ด้วย
9. มองปัญหาเป็นเรื่องธรรมดา
ปัญหาก็เปรียบเสมือนเครื่องมือที่ช่วยเสริมสร้างสติปัญญาให้เฉียบคม ช่วยเพิ่มพูนความรู้ความสามารถให้เป็นประสบการณ์เพื่อเป็นกำลังใจให้เรากล้าที่จะทำในสิ่งใหม่และท้าทายมากยิ่งขึ้นไปอีก อย่างไรก็ตามทุกๆ ปัญหาที่ต้องเผชิญนั้น เราก็จำเป็นที่จะต้องคิดมาตรการป้องกันการเกิดซ้ำด้วยครับ
|